“นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน” คนใหม่ล่าสุด หลังจากปรับสายงานจากเดิมที่ในชีวิตการรับราชการส่วนใหญ่ เกี่ยวข้องกับภารกิจด้านการส่งเสริมการค้า การผลักดันการส่งออก การพัฒนาผู้ประกอบการให้เป็นผู้ส่งออก การจัดกิจกรรมส่งเสริมการส่งออก มาสู่โหมดการกำกับดูแลภารกิจในประเทศ ที่เกี่ยวข้องกับเกษตรกร ผู้ประกอบการ และประชาชน และหลังจากรับตำแหน่ง 70 วัน ได้เปิดตัวแถลงข่าวเป็นครั้งแรกภายใต้คอนเซ็ปต์ “ทำได้ ทำไว ทำจริง” มีผลงานครอบคลุมผู้ที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ตั้งแต่เกษตรกร ผู้ประกอบการ และประชาชน
นายวิทยากร เริ่มต้นแถลงข่าวว่า ผ่านมาแล้ว 70 วัน เหมือนทำงานมาเป็นปี แต่ได้ทำงานครอบคลุมทุกภาคส่วน เริ่มตั้งแต่การดูแลสินค้าเกษตร มีการประชุมคณะกรรมการที่ดูแลรายสินค้า ทั้งข้าว ข้าวโพด มันสำปะหลัง ปาล์ม และสินค้าเกษตรอื่น ๆ ครบทั้งหมด เพื่อกำหนดกรอบนโยบาย แผนงาน และมาตรการบริหารจัดการ โดยข้าว ได้พบผู้ประกอบการรายเล็ก สถาบันเกษตรกร เพื่อรับทราบปัญหา ข้อเสนอแนะ ก่อนที่จะทำมาตรการดูแลข้าวเสนอให้คณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) พิจารณา รวมทั้งเรื่องเงินช่วยค่าบริหารจัดการไร่ละ 1 หมื่นบาทไม่เกิน 10 ไร่
ส่วนมันสำปะหลัง ได้ประชุมติดตามสถานการณ์ร่วมกับกรมการค้าต่างประเทศ และสมาคมต่าง ๆ และผลักดันมาตรฐานรักษาเสถียรภาพราคา มาตรการกำกับดูแลการซื้อขาย และการขยายส่งออกมันเส้นและแป้งมัน ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ได้ยึดมาตรการรับซื้อผลผลิตในประเทศให้หมดก่อน และใช้มันสำปะหลังและปลายข้าวทดแทนการนำเข้าข้าวสาลีจากต่างประเทศ รวมทั้งตรวจสอบการขนย้าย การนำเข้าจากต่างประเทศ เพื่อดูแลราคาให้เกษตรกร ปาล์มน้ำมัน ได้ติดตามสถานการณ์ทั้งผลผลิต การสกัด และการทำน้ำมันปาล์มขวด ขอให้ชะลอการส่งออกช่วงผลผลิตน้อย ปรับสัดส่วนการผสมน้ำมันปาล์มจาก B7 เหลือ B5 และดูแลน้ำมันปาล์มขวด ไม่ให้ราคาสูงขึ้นจนกระทบผู้บริโภค และได้เตรียมมาตรการรับมือหอมแดง ที่กำลังจะออกสู่ตลาด มีการประสานผู้ประกอบการเข้าไปรับซื้อ และเร่งระบายผ่านช่องทางธงฟ้า
ด้านค่าครองชีพ ได้ดำเนินโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจตามนโยบายรัฐบาล ร่วมกับผู้ผลิตรายใหญ่ ห้างสรรพสินค้าลดราคาสินค้าอุปโภคบริโภคและค่าบริการ กว่า 70% จัดโปรโมชันจำหน่ายผ่านร้านธงฟ้า ร้านชุมชน กว่า 140,000 ร้านค้า คาดลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนได้ 14,400 ล้านบาท และได้จัด “ธงฟ้าฟื้นฟูเศรษฐกิจ” หลังน้ำลด ในจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดเชียงราย และ 4 จังหวัดภาคใต้ ได้แก่ ยะลา ปัตตานี สงขลา และสตูล นำสินค้าอุปโภคบริโภค และสินค้าทำความสะอาด ไปขายราคาถูก
สำหรับแผนการทำงานในระยะต่อไป และในปี 2568 นายวิทยากร กล่าวว่า ในการดูแลเกษตรกร ได้จัดตั้งมิส และมิสเตอร์ ดูแลสินค้าเกษตรเป็นรายตัว ได้แก่ ข้าว มันสำปะหลัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปาล์มน้ำมัน ผลไม้ พืช 3 หัว และปศุสัตว์ มีรองอธิบดีกำกับดูแลอีกชั้นหนึ่ง โดยมิส และมิสเตอร์ จะต้องรู้ลึก รู้จริง รู้จักสินค้านั้น ๆ ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง เช่น ราคาเมล็ดพันธุ์ ราคาตลาด ตลาดในประเทศ ตลาดต่างประเทศ ต้นทุนการผลิต คู่แข่งเป็นยังไง เทรนด์ตลาดโลกเป็นยังไง สินค้านั้น ๆ ใช้ในอุตสาหกรรมอะไรบ้าง พูดได้ว่า ต้องรู้จักสินค้าตั้งแต่ต้นจนจบ เวลามีปัญหา จะได้บริหารจัดการและแก้ไขได้ถูก
การจัดงานธงฟ้า จะมีการปรับภาพลักษณ์ รีแบรนด์จากงานขายสินค้าราคาถูก เป็นงานของคนฉลาดเลือก ฉลาดซื้อ เพราะเดิมทีคนจะคิดว่างานธงฟ้า คือ งานขายสินค้าราคาประหยัด แต่จริง ๆ ภายในงานมีสินค้าที่ดี มีคุณภาพ ที่กรมนำมาจำหน่ายมากมาย เช่น ไข่ไก่ เอาเบอร์ 2 เบอร์ 3 มาขาย ซึ่งถูกกว่า เบอร์ 0 เบอร์ 1 แต่ราคาถูกกว่า คุณค่าทางโภชนาการ มีครบ หรือน้ำมันคนจะรู้จักแต่แบรนด์ดัง ๆ จริง ๆ มีผู้ผลิตหลายรายที่ผลิตสินค้าได้คุณภาพดี และจะปรับให้เป็นเวทีสร้างผู้ประกอบการรายใหม่ เพราะที่ผ่านมา มีหลายรายแจ้งเกิดจากงานธงฟ้า จะทำให้มีมากขึ้น และยังได้โอนงบประมาณการจัดงานธงฟ้าไปให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อพิจารณาจัดงานธงฟ้าตามความเหมาะสมได้เลย ไม่ต้องรอส่วนกลาง แต่ถ้ามีความจำเป็นเร่งด่วน ก็สามารถของบเพิ่มเติมได้
เรื่องชั่งตวงวัด มีแผนที่จะพัฒนามาตรฐานของไทยให้ทัดเทียมมาตรฐานสากล โดยยึดมาตรฐานเยอรมัน เกาหลี และญี่ปุ่น เป็นต้นแบบ แล้วนำมาปรับมาตรฐานของไทย และผลักดันให้ประเทศเพื่อนบ้านใช้ด้วย โดยได้ทำกับ สปป.ลาวแล้ว จะทำกับกัมพูชาและฟิลิปปินส์ต่อไป ซึ่งจะช่วยให้สินค้าไทยที่ขายไปยังประเทศเหล่านี้ มีมาตรฐานเดียวกัน ช่วยลดขั้นตอนการตรวจสอบ ทำให้ค้าขายสะดวกขึ้น และมีแผนปรับเรื่องการตรวจสอบหัวจ่ายปั๊มน้ำมัน จะให้ภาคเอกชนมาเป็นผู้ตรวจสอบแทนเจ้าหน้าที่ เพื่อลดระยะเวลา และเพิ่มการตรวจสอบให้ได้มากขึ้น โดยปัจจุบัน มีปั๊มน้ำมันกว่า 2 หมื่นปั๊ม มีหัวจ่ายกว่า 5 แสนหัวจ่าย มีค่าตรวจหัวจ่ายละ 250 บาท แต่ละปีตรวจได้ประมาณ 1 แสนหัวจ่าย เก็บค่าธรรมเนียมได้ 25 ล้านบาท เมื่อมีเอกชนมาตรวจแทน น่าจะตรวจได้เพิ่มขึ้น และตั้งเป้ามีรายได้จากค่าธรรมเนียม ปี 2568 ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท และยังมีแผนตรวจเครื่องชั่งตวงวัดอีก 6 ชนิด ได้แก่ มาตรวัดไฟฟ้า แท็กซี่มิเตอร์ EV Charger เครื่องวัดลมยางรถยนต์ เครื่องวัดความเร็วรถยนต์ และเครื่องวัดแอลกอฮอล์ในลมหายใจ ซึ่งตู้ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ได้หารือการทำมาตรฐานกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) แล้ว เพื่อสร้างมาตรฐานการตรวจสอบ
นอกจากนี้ จะทำงานร่วมกับพาณิชย์จังหวัด และทูตพาณิชย์ของไทยที่ประจำอยู่ในประเทศต่าง ๆ เพื่อขยายตลาดให้กับสินค้าเกษตรของไทย ไม่ใช่แค่การกระบายผลผลิตในประเทศ แต่ตลาดต่างประเทศ ก็จะผลักดันด้วย ยกตัวอย่างเช่น ทุเรียนสด เกรดดี ส่วนใหญ่ตลาดจีนต้องการ แต่เกรดรอง สามารถขายไปประเทศไหน ก็ต้องไปหาทาง หรือมังคุดไซส์เล็ก จะขายไปไหนได้บ้าง มันมีโอกาสอยู่
ขณะเดียวกัน จะปรับปรุงกฎหมายการค้าข้าว ให้มีการลดขั้นตอนและภาระในการขออนุญาตเป็นผู้ประกอบการค้าข้าวประเภทส่งออกไปจำหน่ายต่างประเทศ เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการรายเล็กสามารถเข้ามาเป็นผู้ส่งออกข้าวเพิ่มมากขึ้น โดยจะปรับลดปริมาณการเก็บสต๊อกจาก 500 ตัน เหลือ 100 ตัน และลดค่าธรรมเนียมการขอเป็นผู้ประกอบการค้าข้าว จาก 5 หมื่นบาท เหลือ 2-3 หมื่นบาท
ทางด้านการลดภาระค่าครองชีพ มีแผนที่จะจัด “พาณิชย์ลดราคา New Year Maga Sale 2025” โดยลดราคาสินค้าอุปโภคบริโภคเพิ่มพิเศษทั่วประเทศข้ามปีในเทศกาลปีใหม่ ตั้งแต่ 17 ธ.ค.2567-31 ม.ค.2568 รวม 46 วัน โดยวันที่ 17-19 ธ.ค.2567 จะเปิดตัวที่กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งนอกจากลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนแล้ว ยังเป็นการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าและกระตุ้นกำลังในประเทศ โดยคาดว่าจะลดค่าครองชีพได้ 4.8 พันล้านบาท กระตุ้นเศรษฐกิจได้กว่า 1.4 หมื่นล้านบาท
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
กดคลิก Follow ด้านล่าง