“วีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล” กับเป้าหมายปี 63 ขอลุยต่อ ทำภารกิจ ปั๊ม “เศรษฐกิจฐานราก”

img

ภารกิจในการขับเคลื่อน “เศรษฐกิจฐานราก” ถือเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญของรัฐบาลชุดปัจจุบัน ซึ่งผลงานในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เดินหน้าผลักดันจนเกิดผลเป็นรูปธรรมเกิดขึ้นมากมาย และหนึ่งในผลงานรัฐบาลที่จะพูดถึงไม่ได้ ก็คือ การขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ ที่มีผู้ขับเคลื่อนหลักอย่าง “นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ จากพรรคภูมิใจไทย เป็นผู้กำกับดูแล

หลังจากเข้ารับตำแหน่ง เมื่อ 5 เดือนก่อน ช่วงแรกนายวีรศักดิ์ ไม่ค่อยปรากฏตัวออกสื่อมากนัก เพราะด้วยความใหม่กับตำแหน่งรัฐมนตรี แต่ด้วยความเก๋า จากอดีตกำนัน ซึ่งคลุกคลีอยู่กับชาวบ้าน คลุกคลีอยู่กับเกษตรกร นายวีรศักดิ์ สามารถปรับตัว และใช้ดีเอ็นเอจากคนที่เคยเป็นกำนัน มาปรับใช้กับบทบาทรัฐมนตรีได้อย่างลงตัว จนสามารถสร้างการยอมรับ นับถือ และสร้างความร่วมมือร่วมใจในการขับเคลื่อนงานได้เป็นอย่างดี

นายวีรศักดิ์ พูดไว้ตั้งแต่รับตำแหน่งว่า “การกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศให้มีความแข็งแกร่ง ส่วนที่จะมองข้ามไม่ได้เลย ก็คือ เศรษฐกิจฐานราก เพราะเกี่ยวข้องกับคนหมู่มาก จึงเป็นภารกิจที่ตั้งใจจะทำให้ประสบความสำเร็จ เนื่องจากเศรษฐกิจท้องถิ่นเป็นรากฐานสำคัญในการส่งเสริมเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืน ส่งผลต่อความกินดี อยู่ดี และปากท้องของประชาชน ทำให้เศรษฐกิจเกิดความสมดุล”

ตลอด 5 เดือนที่ผ่านมา ปรากฏผลงานจับต้องได้ โดยเฉพาะการเพิ่มเงินในกระเป๋าให้กับผู้ประกอบการท้องถิ่น ผู้ผลิตสินค้าชุมชน เกษตรกร ได้มีการขับเคลื่อนโครงการที่หลากหลาย และวันนี้ หลายโครงการได้เดินหน้า และกำลังออกดอกออกผลอย่างเป็นรูปธรรม

ในด้านการผลักดัน “ร้านโชวห่วย” ให้เป็น “สมาร์ทโชวห่วย” ได้เข้าไปช่วยเหลือปรับปรุงร้านค้าให้ทันสมัย จัดหาสินค้าราคาประหยัดให้ ทำการเชื่อมโยงสินค้าชุมชนเข้าไปจำหน่าย นำระบบเทคโนโลยีมาใช้ ดึงสถาบันการเงินมาช่วยสนับสนุนด้านสินเชื่อ ซึ่งล่าสุดได้ดำเนินการไปพัฒนาไปแล้วกว่า 10,000 ร้านค้าทั่วประเทศ

ไม่เพียงแค่นั้น ยังได้เพิ่มช่องทางการจำหน่ายทั้งออฟไลน์และออนไลน์ให้กับผู้ประกอบการทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการธุรกิจชุมชน เอสเอ็มอี ผู้ประกอบการรายย่อย เกษตรกร รวมถึงนักศึกษา โดยในด้านออนไลน์ ได้ผลักดันให้ผู้ประกอบการเร่งขยายช่องทางการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ หรืออี-คอมเมิร์ซ เพื่อรองรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป โดยสามารถผลักดันให้ผู้ประกอบการสินค้าชุมชนนำสินค้าขึ้นขายบนแพลตฟอร์มที่มีชื่อเสียง เช่น Lazada , Shopee และอี-มาร์เก็ตเพลสอื่นๆ ทำให้มีรายได้เพิ่มสูงขึ้น ส่วนด้านออฟไลน์ ได้เพิ่มมูลค่าและสร้างโอกาสทางการตลาดผลิตภัณฑ์ OTOP Select โดยร่วมกับบริษัท คิง เพาเวอร์ แท็กซ์ฟรี จำกัด คัดเลือกผลิตภัณฑ์ OTOP Select ที่มีศักยภาพขึ้นจำหน่ายในร้านค้าบนท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดอนเมือง และภูเก็ต มียอดจำหน่ายรวมกว่า 500 ล้านบาท

“ในปี 2563 จะเดินหน้าเพิ่มเงินในกระเป๋าให้กับผู้ประกอบการอีก ทั้งการพัฒนาร้านโชวห่วยให้เป็นสมาร์ทโชวห่วย เพราะหากพัฒนาจนแข็งแกร่ง ก็จะทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น การเพิ่มช่องทางการจำหน่ายออนไลน์ให้กับร้านสมาร์ทโชว์ห่วย ผู้ประกอบการชุมชน เอสเอ็มอี ผู้ประกอบการรายย่อย และเกษตรกร โดยจะร่วมมือกับแพลตฟอร์มเดิม และขยายเพิ่มขึ้น ตั้งเป้าจะขยายออกไปจำหน่ายในประเทศเพื่อนบ้านด้วย ส่วนสินค้า OTOP Select จะขยายไปยังท่าอากาศยานเชียงใหม่ และอู่ตะเภาเพิ่มเติมด้วย”

ส่วนการเพิ่มรายได้ให้กับเกษตร และผู้ผลิตสินค้าชุมชน ได้เดินหน้าผลักดันการขึ้นทะเบียนสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร (GI) ให้มีจำนวนครบทุกจังหวัด หรือ 1 จังหวัด 1 สินค้า GI ซึ่งขณะนี้กำลังทำใกล้สำเร็จแล้ว และที่ผ่านมา ได้มีส่วนช่วยเพิ่มงาน เพิ่มรายได้ให้กับเศรษฐกิจในระดับฐานรากได้เป็นอย่างดี และมีเป้าหมายที่จะเพิ่มการขึ้นทะเบียนสินค้า GI ในปี 2563 ให้ได้เพิ่มขึ้นอีก มีเป้าหมาย 18 สินค้าจาก 17 จังหวัด ได้แก่ โอ่งมังกรราชบุรี , ข้าวขาวกอเดียวพิจิตร , ผ้าหม้อห้อมแพร่ , ลูกหยียะรัง ปัตตานี , ส้มโอทองดีบ้านแท่น ชัยภูมิ , กระเทียมศรีสะเกษ , หอมแดงศรีสะเกษ , พริกไทยจันท์ , เงาะทองผาภูมิ กาญจนบุรี , ข้าวหอมมะลิพะเยา , กลองเอกราช อ่างทอง , ข้าวไร่ดอกข่าพังงา , กล้วยตากสังคม หนองคาย , ทุเรียนชะนีเกาะช้าง ตราด , กาแฟดอยป่าแป๋ลำพูน , สับปะรดบึงกาฬ , ส้มจุกจะนะ สงขลา และกล้วยหอมทองปทุม

ขณะเดียวกัน จะส่งเสริมสินค้า GI ในต่างประเทศ โดยจะนำสินค้า GI จำนวน 5 รายการ ได้แก่ ทุเรียนปราจีนบุรี และมะพร้าวน้ำหอมราชบุรี ไปจด GI ที่จีน เพราะเป็นสินค้าที่ชาวจีนนิยมบริโภค และข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ ข้าวสังข์หยดเมืองพัทลุง และส้มโอทับทิมสยามปากพนัง ไปจด GI ที่มาเลเซีย

ทางด้านการเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร และผู้ประกอบการชุมชน โดยใช้ประโยชน์จากการเปิดเสรีการค้า สามารถผลักดันให้ส่งออกสินค้าออกสู่ตลาดต่างประเทศโดยใช้เอฟทีเอเป็นใบเบิกทางได้แล้วหลายสินค้า มีผลงานสำคัญในปี 2562 ก็คือ การผลักดันผลิตภัณฑ์โคนม โคเนื้อ เจาะตลาดจีน สิงคโปร์ และประเทศเพื่อนบ้านอย่างสปป.ลาว กัมพูชา เมียนมา และเวียดนาม และมีแผนที่จะเดินหน้าผลักดันสินค้าเกษตรและเกษตรกแปรรูออกสู่ตลาดโลกโดยใช้เอฟทีเอต่อในปี 2563 โดยจะลงพื้นที่ทั่วทุกภูมิภาคของไทย เช่น นครสวรรค์ อุตรดิตถ์ ตาก ชัยภูมิ ระยอง ตราด สงขลา และกระบี่ เป็นต้น

ทางด้านการพัฒนาผู้ประกอบการชุมชน ได้ขับเคลื่อนภารกิจในการลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการอัญมณีและเครื่องประดับท้องถิ่น จนหลายๆ สินค้าสามารถก้าวออกมาสู่แถวหน้า และเปิดตัวออกสู่ตลาดต่างประเทศได้ มีการเข้าไปช่วยเหลือผู้ผลิตงานศิลปหัตถกรรมไทย จนสามารถจำหน่ายได้ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจะเดินหน้าทำต่อในปี 2563 อย่างเข้มข้นต่อไป

นอกจากนี้ ยังได้เพิ่มศักยภาพเอสเอ็มอีไทยด้วยหลักประกันทางธุรกิจ โดยให้ความรู้กฎหมายหลักประกันทางธุรกิจ เพื่อให้เอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น และสร้างความรู้ ความเข้าใจกับประชาชนในการปลูกต้นไม้ เพื่อเป็นหลักประกันในการประเมินขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน ซึ่งเป็นการสร้างอาชีพ สร้างรายได้ สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ

พร้อมกันนี้ ได้เพิ่มความง่ายในการประกอบธุรกิจ โดยได้พัฒนาระบบการให้บริการจดทะเบียนธุรกิจมาอย่างต่อเนื่อง และกำลังจะเปิดให้บริการแบบทรีอินวัน หรือยื่นครั้งเดียว จดได้ 3 อย่าง ตั้งแต่จดตั้งบริษัท ขึ้นทะเบียนนายจ้างลูกจ้าง และจดภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งผู้ประกอบธุรกิจสามารถจดได้ทั้งหมดตั้งแต่การยื่นจดทะเบียนที่หน่วยให้บริการของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ โดยกำหนดจะให้บริการตั้งแต่ต้นปี 2563 เป็นต้นไป

ทั้งหมดนี้ คือ ส่วนหนึ่งของภารกิจที่ถูกขับเคลื่อนและการกำกับดูแลโดยนายวีรศักดิ์ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งในปี 2563 นี้ นายวีรศักดิ์ได้ย้ำว่า ภารกิจเดิมที่ทำดีแล้ว จะถูกขับเคลื่อนต่อ และภารกิจใหม่ ที่เหมาะสมกับการผลักดันเศรษฐกิจฐานราก ก็จะถูกนำเข้ามาเสริม โดยมีเป้าหมาย เพื่อสร้างความกินดี อยู่ดี ให้กับประชาชนในระดับฐานราก และมุ่งสู่เป้าหมายภาพรวมในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศต่อไป

>>>ติดตามข่าวสารพาณิชย์แบบฉับไว ส่งตรงถึงมือถือได้ที่ http://line.me/ti/p/%40uld0329i
>>>ติดตามข่าวสารพาณิชย์ ผ่านทวิตเตอร์ https://twitter.com/CNAOnlineTwit  

ติดตามข่าวสารแบบฉับไว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
ติดตามข่าวสารผ่าน Twitter
กดคลิก Follow ด้านล่าง