
ระหว่างวันที่ 28 มีนาคม-1 เมษายน 2559 ที่ผ่านมา นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้เดินทางเยือนสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี เพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางการค้า การลงทุน และแสวงหาโอกาสความร่วมมือในสาขาที่ทั้งสองประเทศมีประโยชน์ร่วมกัน ตลอดจนสร้างความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจ (Strategic Partnership) ระหว่างกัน
ในการเดินทางไปครั้งนี้ นางอภิรดีได้มีโอกาสหารือกับนายมาเทียส มัคนิก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเศรษฐกิจและพลังงานของเยอรมนี โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องต้องกันว่า ไทยและเยอรมนีมีความสัมพันธ์อันดีและยาวนานในทุกมิติของความสัมพันธ์ทั้งในด้านเศรษฐกิจ การเมือง การศึกษา และสังคม รวมทั้งเล็งเห็นถึงโอกาสในมิติอื่นๆ ที่จะมีความร่วมมือกันเพิ่มเติม และยินดีที่จะสร้างความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจในสาขาที่เป็นจุดแข็งของทั้งสองประเทศ
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเศรษฐกิจและพลังงาน ยังเห็นว่า ไทยเป็นประเทศที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจ และเป็นจุดหมายแรกของนักลงทุนเยอรมัน พร้อมทั้งย้ำว่ารัฐบาลเยอรมนีให้การสนับสนุนภาคเอกชนของเยอรมนีอย่างเต็มในการพิจารณาขยายการลงทุนในไทยในสาขาที่เยอรมนีมีความชำนาญ อาทิ ยานยนต์อิเล็กทรอนิกส์ และโครงสร้างพื้นฐาน
หลังจากนั้น นางอภิรดีได้มีการพบปะหารือกบภาคเอกชน ได้แก่ ผู้แทนจากสำนักงานส่งเสริมการค้าและการลงทุน (GTAI) หอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี (DIHK) สมาพันธ์ธุรกิจเอเชียแปซิฟิก (Ostasiatischer Verein - OAV) และสหพันธ์ผู้ส่งออกและนำเข้าสินค้าและบริการ (BGA)
ภาคเอกชนเยอรมันได้แสดงความเชื่อมั่นในนโยบายประเทศไทย 4.0 ซึ่งเยอรมนีเป็นต้นกำเนิดและเป็นผู้นำอุตสาหกรรม 4.0 ของโลก และไทยเป็นเป้าหมายอันดับต้นๆ ที่นักลงทุนเยอรมันให้ความสนใจพร้อมทั้งยินดีที่จะสร้างความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจโดยใช้ความเชี่ยวชาญด้านการวิจัยและพัฒนาของเยอรมนีเติมเต็มจุดเด่นของไทยที่เป็นฐานการผลิตสินค้าและแหล่งวัตถุดิบ โดยเฉพาะความร่วมมือในสาขาอาหาร สินค้าเกษตร เทคโนโลยีชีวภาพ ยานยนต์ โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่งและโลจิสติกส์ ธุรกิจค้าส่งค้าปลีก ซึ่งเยอรมนีแสดงความสนใจ ที่จะเข้ามาลงทุนและร่วมกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เยอรมนีเป็นคู่ค้าสำคัญอันดับที่ 1 ของไทย และลงทุนในไทยมากเป็นอันดับที่ 4 ในกลุ่มประเทศสหภาพยุโรป ปัจจุบันมีบริษัทเยอรมันมากกว่า 600 บริษัทเข้ามาลงทุนในไทย โดยเฉพาะนักลงทุนรายใหญ่ที่มีชื่อเสียงระดับโลกเข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมหนักและอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง อาทิ บริษัท Siemen บริษัท BMW และบริษัท Continental เป็นต้น
ระหว่างการหารือ นางอภิรดีได้ใช้โอกาสนี้เชิญชวนภาคเอกชนเยอรมนีมาลงทุนในระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เพื่อมุ่งไปสู่การเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมยานยนต์ของโลก รวมทั้งศูนย์กลางอุตสาหกรรมแห่งอนาคตของภูมิภาค ซึ่งเน้นเศรษฐกิจขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม
ทั้งนี้ นางอภิรดีได้แจ้งว่า ขณะนี้ไทยอยู่ระหว่างการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อรองรับนักลงทุนจากต่างชาติ ทั้งในมิติของการค้าการลงทุน การท่องเที่ยว และสังคมอย่างครบวงจร รวมทั้งไทยยังได้พัฒนาระบบศุลกากร ณ เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (Special Economic Zone: SEZ) เพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้าให้แก่ผู้ประกอบการ ขณะเดียวกัน ยังได้เชิญชวนให้เยอรมนีเข้ามาร่วมประมูลโครงการรถไฟทางคู่ หลังจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบให้เพิ่มจำนวนผู้เข้าร่วมประมูลในโครงการ
ภายหลังจากการหารือกับภาคเอกชนแล้ว นางอภิรดีได้นำคณะเดินทางไปศึกษาดูงานเรื่องนวัตกรรมการเกษตร ณ สถาบันฟราว์นโฮเฟอร์ (Fraunhofer) เพื่อแสวงหาความร่วมมือกับเยอรมนีที่จะนำพาประเทศไปสู่อุตสาหกรรม 4.0 โดยสถาบัน Fraunhofer เป็นศูนย์วิจัยและพัฒนาการวิจัยประยุกต์ใช้นวัตกรรมในชีวิตประจำวันในหลายสาขา อาทิ การเกษตร สุขภาพ สิ่งแวดล้อม เทคโนโลยีและการสื่อสาร พลังงาน การขนส่งคมนาคม ซึ่งสถาบันได้ร่วมมือกับ พันธมิตรต่างๆ เพื่อศึกษาวิจัยและพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐและภาคเอกชนในเยอรมนี รวมทั้งประเทศต่างๆ ทั่วโลก อาทิ บราซิล ออสเตรเลีย และอินโดนีเซีย เป็นต้น
นางอภิรดีกล่าวว่า สถาบัน Fraunhofer ได้นำเสนอโครงการ Smart Rural Areas หรือการพัฒนาพื้นที่นอกเมืองอัจฉริยะ ซึ่งสถาบัน Fraunhofer ได้ทดลองในชุมชนชนบทรัฐเวสท์ไฟลซ์ (Westpfalz) และรัฐไรนลานด์ไฟล์ (Rheinland-Pfalz) ในเยอรมนี โดยการนำซอฟต์แวร์ดิจิทอลมาใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนที่จะนำซอฟต์แวร์ไปใช้ในการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการ ตลอดจนระบบโลจิสติกส์ และเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานภายในท้องถิ่นผ่านอินเตอร์เนตและแอปพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน ซึ่งถือได้ว่าเป็นโครงการที่น่าสนใจและทันสมัยเป็นอย่างยิ่ง
“จะมีการนำมาประยุกต์ใช้กับวิถีชีวิตชุมชนเกษตรกรรมของไทย เพื่อให้เกษตรกรไทยก้าวสู่การเป็น Smart Farmer ตามนโยบายประเทศไทย 4.0 ได้ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะได้เร่งดำเนินการพิจารณาชุมชนเกษตรกรรมที่เหมาะสมและจัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการ (Workshop) กับภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชนในท้องถิ่น เพื่อระดมสมองและพิจารณาศึกษาความเป็นไปได้ ตลอดจนแนวทางการดำเนินโครงการและความร่วมมือที่เหมาะสมกับสถาบัน Fraunhofer ต่อไป”นางอภิรดีกล่าว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
กดคลิก Follow ด้านล่าง