เมื่อวันเสาร์ที่ 15 ก.ค.2566 ที่ผ่านมา “ผู้เขียน” ได้มีโอกาสร่วมคณะของ “นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน” และ “นายกรนิจ โนนจุ้ย รองอธิบดีกรมการค้าภายใน” ที่ได้นำคณะผู้ประกอบการ ลงพื้นที่ จ.เชียงราย
“การลงพื้นที่” ในครั้งนี้ เป็นการไปติดตามสถานการณ์ผลผลิต “ผลไม้ภาคเหนือ” ที่กำลังออกสู่ตลาด โดยเฉพาะ “ลำไย-สับปะรด” ที่คาดว่าจะออกมากตั้งแต่ช่วงปลายเดือน ก.ค.-ส.ค. และต่อเนื่องถึงเดือน ก.ย.
มี “เป้าหมาย” เพื่อประเมิน “ทิศทาง” และจะได้ “เตรียมการ” สำหรับการช่วยเหลืออย่าง “เหมาะสม” และ “ทันการณ์”
ทั้งนี้ นายวัฒนศักย์ ได้ใช้โอกาสนี้ไปคิกออฟ “ความร่วมมือ” ในการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดภูแล ที่ “กรมการค้าภายใน” ได้ร่วมมือกับ “พระไพศาลประชาทร วิ. หรือพระอาจารย์พบโชค” เจ้าอาวาส “วัดห้วยปลากั้ง”
ที่ผ่านมา ทุก ๆ ปี “วัดห้วยปลากั้ง” จะรับซื้อสับปะรดจากเกษตรกร เพื่อนำไป “แจกจ่าย” ให้กับชาวบ้าน ผู้ยากไร้ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่ไม่สามารถจำหน่ายผลผลิตได้
ต่อมา กรมการค้าภายในได้เข้าไปหารือกับทางวัด และ “เห็นพ้อง” ร่วมกันว่าจะ “ผนึกกำลังกัน” ในการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรด
แนวทางในการดำเนินการ คือ กรมการค้าภายในจะเข้าไป “รับซื้อ” สับปะรดจากเกษตรกร แล้วนำมา “แปรรูป” เป็น “น้ำสับปะรด” ก่อนที่จะนำไปจำหน่ายให้กับประชาชน
โดยการผลิตน้ำสับปะรด ได้รับความร่วมมือจาก “บริษัท มาลีกรุ๊ป จำกัด (มหาชน)” ที่เข้ามาช่วยแปรรูป และใช้ชื่อว่า “น้ำสับปะรดพบโชค” ตามชื่อ “พระอาจารย์พบโชค”
ผลผลิตส่วนหนึ่งจะนำไปวางจำหน่ายที่ “วัดห้วยปลากั้ง” และส่วนหนึ่งจะถูกส่งไปจำหน่ายใน “ห้างท้องถิ่น” ทั่วประเทศ
จึงเป็นที่มาของการ “คิกออฟ” การจัดส่งน้ำสับปะรดบรรจุขวดในครั้งนี้
“พระอาจารย์พบโชค” เล่าให้ฟังว่า ทางวัดมี “เป้าหมาย” ในการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรด โดยรับซื้อผลผลิตมาแจกจ่ายทุกปี แต่ก็ช่วยได้ไม่มาก และมองว่า ไม่ใช่การแก้ปัญหา “อย่างยั่งยืน”
ปีนี้ “กรมการค้าภายใน” ได้เข้ามาหารือ บอกว่า มี “มาตรการช่วยเหลือ” เกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดหลายมาตรการ และมั่นใจว่า จะดูแล “ราคาสับปะรด” ให้ทรงตัวอยู่ใน “ระดับสูง” ได้ พร้อมใช้โอกาสนี้ แนะนำให้มี “มาตรการเสริม” อีกหลาย ๆ ทาง ในการช่วยระบายผลผลิตให้กับเกษตรกร เพื่อดูแลไม่ให้ราคา “ตกต่ำ”
“อาตมายอมรับว่านายวัฒนศักย์ เป็นคนจริง พูดจริง ทำจริง ขอนับถือในน้ำใจ ที่เข้ามาช่วยเหลือเกษตรกร และผลจากการที่ได้พูดคุยกัน ล่าสุดนายวัฒนศักย์ได้ประสานภาคเอกชน เข้ามาช่วยนำสับปะรดไปแปรรูปเป็นน้ำสับปะรดได้สำเร็จ”
“นายวัฒนศักย์” กล่าวว่า กรมฯ และวัดห้วยปลากั้ง มีเป้าหมายเดียวกัน คือ การช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกผลไม้ ให้ขายผลผลิตได้ในราคาดี คุ้มต้นทุน และมีรายได้
จริง ๆ ปีนี้ กรมฯ มีมาตรการในการดูแลผลไม้ที่กำลังจะออกสู่ตลาด ทั้งสับปะรด ลำไย ไว้พร้อมแล้ว ส่วนมาตรการในการนำสับปะรดไปแปรรูปเป็นน้ำผลไม้ ก็เป็นหนึ่งใน “มาตรการใหม่” ที่ได้นำมาใช้ และถือเป็น “ครั้งแรก” ที่ได้ทำงานร่วมกับพันธมิตรใหม่ คือ วัดห้วยปลากั้ง
“กรมฯ ได้มาคิกออฟจัดส่งรถโมบาย นำน้ำสัปปะรดแปรรูป ส่งไปยังห้างท้องถิ่น โดยครั้งนี้นำร่องในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ จ.อุดรธานี ขอนแก่น กาฬสินธุ์ ชัยภูมิ และศรีสะเกษ จากนี้จะเร่งผลิต และจัดส่งไปยังห้างท้องถิ่นในพื้นที่อื่น ๆ ต่อไป”
นอกจากนี้ ยังได้ใช้โอกาสนี้ ขนส่ง “ส้มโอเชียงราย” ไปจำหน่ายในห้างท้องถิ่น เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกส้มโอ ที่ผลผลิตกำลังออกสู่ตลาด
สำหรับแผนระยะต่อไป จะเข้าไปรับซื้อ “สับปะรดภูแล” เพื่อนำไปจำหน่ายใน “รถโมบายพาณิชย์” 100 จุดทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑล และจุดจำหน่ายใน “66 หมู่บ้าน” และ “35 คอนโดมิเนียม” เป้าหมาย 50,000 ครัวเรือน รวมทั้งจะประสาน “ปั๊มน้ำมัน” เข้ามารับซื้อเพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับผู้บริโภคที่เติมน้ำมัน
ส่วนประชาชน ที่สนใจจะซื้อผลไม้ ซึ่งปัจจุบันมีจำหน่ายหลายชนิดแล้ว ทั้งมังคุด สับปะรดภูแล ลำไย และลองกอง สามารถตรวจสอบจุดจำหน่ายได้ที่เว็บไซต์ www.dit.go.th , Line @mobilepanich หรือ Line @Mr.dit
การนำ “สับปะรด” ไปทำเป็น “น้ำสับปะรด” พูดได้ว่า เป็นอีกหนึ่ง “มิติใหม่” ที่กรมการค้าภายใน ได้นำมาใช้ในการ “ช่วยเหลือ” และ “ดูแล” เกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดในปีนี้
แต่ที่สร้างมิติใหม่ไปกว่านี้ ก็คือ การผนึกกำลังกับวัดในการ “สร้างแต้มบุญร่วมกัน” ในการดูแลเกษตรกร
“กรมการค้าภายใน” ยุคนี้ มีอะไรใหม่ ๆ ให้เห็นตลอด
ที่สำคัญ ผลออกมาดีด้วย
ส่วนจะ “ดีมาก-ดีน้อย” ให้ “ผลงาน” เป็นเครื่องพิสูจน์ก็แล้วกัน
ซีเอ็นเอ
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
กดคลิก Follow ด้านล่าง