ฟังการแถลงข่าวของ “นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์” เรื่องตัวเลขการส่งออกเดือนพ.ค.2564 เมื่อวันที่ 24 มิ.ย.2564 ที่ผ่านมา
         
เห็นตัวเลขการเติบโตแล้ว ต้องบอกว่า “คาดไม่ถึง”
         
เพราะขยายตัวเพิ่มถึง 41.59% ทำสถิติสูงสุดในรอบ 11 ปี
         
ถ้าหากหัก สินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย ที่เป็นกลุ่มสินค้าที่มีความผันผวนออก การส่งออกที่เป็นเรียลเซ็กเตอร์จริง ๆ จะบวกมากขึ้นไปอีกถึง 45.87%
         
นั่นเป็นการตอกย้ำว่า “การส่งออกของไทยฟื้นตัวชัดเจน”
         
ปัจจัยบวกต่อการส่งออก มาจากเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจคู่ค้าฟื้นตัวดีขึ้น ทำให้มีความต้องการสินค้ามากขึ้น
         
โดยเฉพาะคู่ค้าหลัก ๆ ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐฯ จีน สหภาพยุโรป และญี่ปุ่น ต่างฟื้นหมด
         
แต่เหตุผลของการส่งออกฟื้นตัว เพราะคู่ค้าฟื้นอย่างเดียว ก็คงไม่ได้
         
ต้องบอกว่า เป็นผลมาจากการแก้ไขปัญหาการส่งออก การผลักดันการส่งออก ที่กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการอย่างเข้มข้นในนาม “กรอ.พาณิชย์” ด้วย
         
ทำให้ปัญหาที่มี “แก้ได้เร็ว”
         
ทำให้การจัดกิจกรรมผลักดันส่งออก “ตรงเป้า”
         
ปัญหาที่เป็นอุปสรรคหนัก ๆ ต่อการส่งออกไทย ที่แก้ไขสำเร็จได้ มีหลายเรื่อง
         
ยกตัวอย่างเช่น “การขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์” ที่มีปัญหาตั้งแต่ต้นปี หากไม่ได้รับการแก้ไข วันนี้ส่งออกไทย “คงอาการหนัก” แต่ก็ “แก้ไขจนสำเร็จ”
         
ปัจจุบัน เรือใหญ่ 400 เมตร สามารถเข้ามาเทียบท่าเรือแหลมฉบังได้ ทำให้ส่งออกคล่องตัว เพราะขนตู้เปล่าเข้ามาได้ทีละมาก ๆ แล้วก็ส่งออกไปได้ทีละมาก ๆ ไม่ต้องขนใส่เรือเล็กแล้วไปถ่ายลำต่อที่สิงคโปร์ ที่จีน
         
ไม่เพียงแค่นั้น นายจุรินทร์กำลังเจรจากับกระทรวงคมนาคม ขอให้อนุญาตให้เรือใหญ่เข้ามาเทียบท่าได้ตลอดไป ไม่ใช่แค่ 2 ปี
         


เพราะการส่งออก ยังต้องส่งออกต่อ ไม่ใช่ส่งออกแค่ 2 ปี แล้วเลิก
         
อีกปัญหา ที่แก้สำเร็จ แล้วเริ่มส่งผลดีต่อการส่งออก ก็คือ การเจรจากับเวียดนามให้ปรับระเบียบการนำเข้ารถยนต์
         
เดิมเวียดนามขอตรวจรถยนต์นำเข้าจากไทยทุกล็อต บางครั้งต้องตรวจทั้งที่ไทยและที่เวียดนาม ทำให้เป็นปัญหา อุปสรรค
         
แต่ก็เจรจาสำเร็จ ให้ตรวจที่ใดที่หนึ่ง แล้วสุ่มตรวจ
         
จนวันนี้ ตัวเลขส่งออกรถยนต์ไปเวียดนาม ล่าสุดในเดือนพ.ค.2564 เพิ่มขึ้นถึง 922%
         
ยังมีเรื่อง “ผลไม้” ที่แก้ปมปัญหาติดขัดที่ด่านชายแดนและข้ามแดน เจรจาทั้งเวียดนามและจีน จนวันนี้ “ทางสะดวก” ส่งผลให้ส่งออกผลไม้เพิ่มขึ้น 31.9% เฉพาะ “ทุเรียน” ที่ตลาดจีนนิยม เพิ่ม 95%
         
นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมสนับสนุนการส่งออกที่จัดแบบถี่ยิบ ทั้งออนไลน์ ออฟไลน์ และลูกผสมไฮบริด
         
ที่เห็นเป็นรูปธรรมชัดเชน ก็เช่น การจัดงานแสดงสินค้าเสมือนจริง ที่เข้าชมผ่านออนไลน์ แต่ดูทุกอย่างได้เหมือนจริง สนใจอยากซื้อ ก็เจรจาซื้อขายกันได้เลย หรืองานแสดงสินค้ารูปแบบ Mirror Mirror ที่ตัวไม่ต้องไป ส่งแค่สินค้าไปจัดแสดง คนซื้อ คนนำเข้ามาดู ถ้าสนใจ ก็เปิดเจรจาซื้อขายกันผ่านออนไลน์
         
สร้างยอดซื้อขายกันไปแล้วเป็นหลักพันล้าน
         
หรือการจัดเวทีเจรจาจับคู่ธุรกิจออนไลน์ ชื่ออังกฤษ ก็ Online Business Matching หรือชื่อย่อ ก็ OBM
         
มีผลจัด OBM ในช่วง 5 เดือนปี 2564 รวม 37 ครั้ง ในกลุ่มสินค้าอาหาร ผลไม้ สินค้าฮาลาล สินค้าเครื่องมือแพทย์ ชิ้นส่วนยานยนต์ เป็นต้น สร้างยอดขายรวม 5,937.85 ล้านบาท
         
กิจกรรมส่งเสริมการส่งออก ยังไม่หมดเพียงแค่นี้ นายจุรินทร์ บอกว่า “ในช่วงครึ่งปีหลัง จะเพิ่มความเข้มข้นขึ้นอีก”
         


แผนการทำงาน จะยึดรูปแบบเดิมที่ทำสำเร็จในนาม กรอ.พาณิชย์
         
เป้าแรก จะเร่งบุกตลาดใหม่ เช่น ตะวันออกกลาง กลุ่มประเทศที่แตกจากรัสเซีย เอเชียใต้ และแอฟริกา
         
เร่งเจรจาเปิดด่านการค้า มีเป้าตอนนี้ 11 ด่าน “ที่อยากให้เปิดเพิ่ม” จากเดิมที่เปิดแล้ว 45 ด่านจาก 97 ด่าน มีด่านหลัก ๆ เช่น ด่านปากแซง ด้านท่าเทียบเรือมุกดาหาร นครพนม และหนองคาย
         
ส่วนกิจกรรมออนไลน์ ก็จะลุยต่อ แต่ถ้าออฟไลน์ทำได้ ก็จะดำเนินการต่อไป เป็นแบบไฮบริด
         
นอกจากนี้ จะเร่งทำมินิเอฟทีเอ มีเป้าอยู่แล้ว คือ ไหหนาน จีน เตลังกานา อินเดีย คยองกี เกาหลีใต้ และโคฟุ ญี่ปุ่น
         
ภายในก.ค.-ส.ค.นี้ น่าจะลงนามกันได้
         
ขณะเดียวัน จะเร่งสร้างแม่ทัพส่งออก ปั้นนิสิต นักศึกษาให้เป็นผู้ประกอบการ ภายใต้ Gen Z to be CEO ซึ่งปัจจุบันอบรมไปแล้ว 9,000 กว่าราย ปีนี้ครบตามเป้า 12,000 รายแน่นอน
         
นี่คือแผน “ผลักดันการส่งออก” ในช่วงครึ่งปีหลังที่จะดำเนินการ
         
ตอนนี้ “กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ” และกรมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้รับลูก และกำลังดำเนินการตามนโยบายแล้ว
         
เร็วๆ นี้ คงจะเห็นทิศทางชัดเจน
         
ส่วนเป้าหมายการส่งออกทั้งปี ที่ตั้งไว้ 4% นายจุรินทร์ มั่นใจว่า “ทำได้เกินเป้าแน่”
         
แค่ 5 เดือน เพิ่มแล้ว 10.78% เกินกว่าเป้าไปมากโขอยู่
         
ถ้าไม่มีอะไรมาทำให้สะดุด หรือเกิดวิกฤตใหญ่กระทบไปทั้งโลก
         
ส่งออกปีนี้ น่าจะเป็นปีที่สดใส
         
ผลสำเร็จที่เกิดขึ้น ไม่ใช่แค่โชคช่วยอย่างเดียว แต่ต้องบอกว่า “พาณิชย์ยุคนี้ มีฝีมือด้วย”  
 
ซีเอ็นเอ