​ย้อน 10 ข่าว ดี เด่น ดัง พาณิชย์ ปี 2560

img

          กระทรวงพาณิชย์ในฐานะที่เป็นหนึ่งในกระทรวงเศรษฐกิจสำคัญของประเทศ ได้เดินหน้าขับเคลื่อนการทำงานมาอย่างต่อเนื่องตลอดปี 2560 ซึ่งผลการทำงานประสบความสำเร็จในหลายเรื่อง โดยทีมงาน CNA Online ได้คัดเลือกและเห็นว่าน่าจะเป็นข่าว ดี เด่น ดัง ในรอบปีได้จำนวน 10 ข่าว ดังต่อไปนี้
 
ส่งออกพลิกบวกเกิน 10%
          เมื่อช่วงต้นปี 2560 กระทรวงพาณิชย์กัดฟันตั้งเป้าหมายส่งออกทั้งปีไว้ที่ 5% ทั้งๆ ที่ตอนนั้นมองกันว่า น่าจะโตได้ในระดับ 3% แต่สุดท้ายก็จบที่ 5% จากนั้น คนก็ใจจดใจจ่อรอดูตัวเลข ปรากฏว่า เดือนม.ค. ส่งออกโต 8.96% ทำให้ความมั่นใจมาทันที แต่มั่นใจได้ไม่เท่าไร ตัวเลขเดือน ก.พ. กลับติดลบ 2.70% ก็เลยเป๋ไปพักใหญ่ จนเห็นว่า ส่งออกปี 2560 อาจจะไม่ได้ดีอย่างที่ประเมินไว้ก็ได้
          จากนั้นไม่รู้ว่าส่งออกใส่ตีนผีมาหรืออย่างไร ปรากฏว่า ยอดส่งออกบวกต่อเนื่องติดต่อกัน 10 เดือนตั้งแต่ มี.ค.-พ.ย. โดยในระหว่างนี้ มีการปรับประมาณการกันหลายครั้ง ตั้งแต่ 6% 6.5% 7% จนถึง 8% และสุดท้ายประเมินกันว่า ทั้งปีมีโอกาสทุบสถิติโตเกิน 10% สูงสุดในรอบ 6 ปี และน่าจะเป็นจริงได้
 
ข้าวทุบสถิติส่งออกสูงสุด
          กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าการส่งออกข้าวปี 2560 ไว้ที่ 10 ล้านตัน โดยประเมินจากตลาดโลกมีความต้องการข้าวเพิ่มขึ้น ราคาข้าวไทยแข่งขันได้ รัฐมีการระบายสต๊อก ทำให้เอกชนมีข้าวเพื่อส่งออก แม้ว่าจะต้องแข่งขันกับคู่แข่งอย่างเวียดนามและอินเดีย แต่ก็มั่นใจว่าทำได้ 
          การส่งออกข้าวเริ่มมาเห็นแววโตเกินเป้า หลังจากผ่านมาแค่ 5 เดือน (ม.ค.-พ.ค.) ยอดส่งออกทำได้แล้ว 5.5 ล้านตัน และมองว่าเป้า 10 ล้านตัน ไม่น่าจะไกลเกินจริง ตอนนั้นมองไปถึง 11 ล้านตันด้วยซ้ำ แต่ภาพเริ่มมาชัดเจนมากยิ่งขึ้น เมื่อผ่าน 10 เดือน ส่งออกไปกว่า 9 ล้านตัน พอ 11 เดือน 10.4 ล้านตัน และสุดท้ายเกือบครบ 1 ปี ขาดไปแค่ 3 วัน (1 ม.ค.-27 ธ.ค.2560) ส่งออกข้าวได้ 11.25 ล้านตัน เรียกว่า มาแรงแซงทางโค้งทะลุเป้ากันเลยทีเดียว 
 
สหรัฐฯ ปลดบัญชีดำทรัพย์สินทางปัญญา
          ไทยได้พยายามที่จะผลักดันให้สหรัฐฯ ปลดไทยออกจากบัญชีประเทศที่ถูกจับตามองเป็นพิเศษ หรือที่เรียกกันว่า PWL มาอย่างต่อเนื่องในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา แต่เพิ่งจะมาประสบความสำเร็จเอาในปี 2560 บ้างก็ว่า ไทยเอาอะไรไปแลก บ้างก็ว่า มีการไปตกลงเพื่อแลกเปลี่ยนอะไรกันหรือเปล่า
          แต่ในความเป็นจริง ปัจจัยที่ส่งผลให้ไทยหลุดจากบัญชี PWL มาอยู่บัญชีประเทศที่ถูกจับตามอง (WL) ก็ไม่มีอะไรมาก เป็นเพราะกระทรวงพาณิชย์ได้ทำงานอย่างหนักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา มีการพัฒนาระบบการจดทะเบียนสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้า การเข้าเป็นภาคีพิธีสารมาดริดที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า และการสร้างความโปร่งใสในการทำงาน จนทำให้สหรัฐฯ ยอมปลดไทยออกจากบัญชีดำในที่สุด   
 
ทำธุรกิจในไทยสุดง่าย
          ทุกๆ ปี ธนาคารโลกจะจัดอันดับความยากง่ายในการประกอบธุรกิจของประเทศต่างๆ ปี 2560 ได้จัดอันดับความยากง่ายในการประกอบธุรกิจของไทยอยู่ที่ 26 เพิ่มจากอันดับ 46 ในปี 2559 โดยดีขึ้นถึง 20 อันดับ และการเริ่มต้นธุรกิจลำดับที่ 36 จากลำดับที่ 78 ดีขึ้น 42 อันดับ
          ความสำเร็จดังกล่าว มาจากความพยายามในการลดขั้นตอน จากเดิมการตั้งธุรกิจต้องใช้เวลารวม 25.5 วัน เป็นการจองชื่อ 0.5 วัน ชำระเงินทุนเข้าธนาคาร 1 วัน ทำตราประทับ 2 วัน จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทและการขอเลขทะเบียนนายจ้าง 1 วัน ยื่นสำเนาข้อบังคับการทำงาน 21 วัน แต่พาณิชย์ได้หารือกับรัฐบาล ขอใช้ ม.44 มายกเลิกตราประทับและสำเนาข้อบังคับการทำงาน ทำให้เหลือขั้นตอนเพียง 2.5 วัน แต่ตอนประเมิน ธนาคารโลกดันเพิ่มขั้นตอนการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มและขึ้นทะเบียนลูกจ้างอีกอย่างละ 1 วัน ทำให้ระยะเวลาการเริ่มต้นธุรกิจกลับมาอยู่ที่ 4.5 วัน แต่พาณิชย์ก็ไม่ลดความพยายาม กำลังจะลดขั้นตอนการจดทะเบียน รวมการจองชื่อและจดทะเบียนตั้งบริษัทผ่านระบบ e-Registration เป็นขั้นตอนเดียวกัน ซึ่งจะช่วยลดระยะเวลาจากเดิม 1.5 วันเหลือเพียง 1 วัน และจะทำให้ภาพรวมลดเหลือแค่ 3.5 วัน เพื่อให้ปี 2561 การจัดลำดับความยากง่ายในการประกอบธุรกิจและการเริ่มต้นธุรกิจดีขึ้นไปอีก
 
ร้านค้าธงฟ้าประชารัฐขายสินค้าราคาถูก  
          ร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการประมาณเดือนพ.ค.2560 หลังจากที่พาณิชย์ได้หารือกับผู้ผลิตรายใหญ่ 5 ราย จนตอบตกลงผลิตสินค้าราคาถูกกว่าท้องตลาด 10-20% ป้อนให้กับร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ โดยการดำเนินการ มีเป้าหมายเพื่อให้ประชาชนในระดับฐานรากได้มีโอกาสซื้อสินค้าราคาประหยัด และช่วยลดค่าครองชีพ
          ต่อมาโครงการได้ขยายใหญ่ขึ้น หลังจากที่รัฐบาลได้ขึ้นทะเบียนผู้มีรายได้น้อย 11.4 ล้านคน และมีโครงการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย โดยหนึ่งในนั้น ก็คือ การมอบวงเงิน 200 และ 300 บาทให้ผู้มีรายได้น้อยไว้ซื้อสินค้าในร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ ทำให้พาณิชย์ต้องเร่งประสานคลังให้มีการติดตั้งเครื่องรูดบัตรอย่างเร่งด่วน โดยวันแรกที่เริ่มขาย 1 ต.ค.2560 มีร้านค้าประมาณ 5,000 ร้าน จากนั้นได้เร่งรัดจนมี 18,000 ร้านทั่วประเทศก่อนสิ้นปี 2560 ทำให้คนไทยหาซื้อสินค้าราคาถูกได้เกือบทุกตำบลของประเทศไทย และในปี 2561 มีเป้าหมายที่จะผลักดันให้มีร้านค้าธงฟ้าประชาชนเพิ่มขึ้นอีก 20,000 แห่ง

ดึงหน้ากากโปรโมตทุเรียน
          ปี 2560 ต้องถือว่าเป็นปีทองของเกษตรกรผู้ปลูกสินค้าเกษตรอีกปีหนึ่ง โดยเฉพาะผลไม้ที่แทบจะไม่มีปัญหาด้านราคาตกต่ำ ไม่ว่าจะเป็นทุเรียน ลำไย ลิ้นจี่ เงาะ ยกเว้นก็แต่มังคุด ที่มีปัญหาอยู่ช่วงหนึ่ง แต่สุดท้ายก็แก้ได้ แต่ที่สร้างและเรียกเสียงฮือฮาได้ ก็คือ การดึงหน้ากากทุเรียนมาช่วยในการโปรโมตการบริโภคทุเรียน ทำให้กระแสการจัดบุปเฟต์ทุเรียนกระจายไปทั่วประเทศ และส่งผลดีให้ราคาทุเรียนปรับตัวดีขึ้น จนเราๆ ท่านๆ ต้องบริโภคทุเรียนในราคาสูงเกือบตลอดฤดูกาล
          ไม่เพียงแค่นั้น ช่วงที่ลำไยออกสู่ตลาดมาก ได้ดึงนักร้องดังอย่าง “ลำไย ไหทองคำ” มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ช่วยโปรโมตการบริโภคลำไย แม้จะไม่เรียกเสียงฮือฮาเหมือนดึงหน้ากากทุเรียน แต่ก็ประสบความสำเร็จไม่ใช่น้อย
 
ระบายข้าวค้างสต๊อกเกือบเกลี้ยง
          นับตั้งแต่ คสช. ได้เข้ามาบริหารประเทศวันที่ 22 พ.ค.2557 มีมรดกตกทอดจากรัฐบาลก่อน ก็คือ ข้าวในสต๊อกที่สูงถึง 18.7 ล้านตัน แต่พอตรวจแล้วมีข้าวอยู่จริง 17.76 ล้านตัน จากนั้นได้เริ่มระบายต่อเนื่องมาจนถึงปี 2560 ซึ่งในช่วงการระบาย ก็มีปัญหา มีอุปสรรคบ้าง แต่ก็สามารถเดินหน้าระบายข้าวออกมาได้เรื่อยๆ
          จนล่าสุด คงเหลือปริมาณข้าวในสต๊อกอีกเพียงแค่ 2.07 ล้านตัน และเป็นข้าวที่ไม่ใช่สำหรับคนบริโภค เป็นข้าวที่ต้องระบายข้าวสู่อุตสาหกรรมอาหารสัตว์ และอุตสาหกรรมอื่นๆ โดยคาดว่า ในช่วงต้นปี 2561 จะมีความชัดเจนว่าจะระบายเมื่อไร แต่ตั้งเป้าไว้ว่าก่อนกลางปี น่าจะปิดจ๊อบได้
 
ปั้นผู้ประกอบการเลือดใหม่
          การสร้างงานสร้างอาชีพ ถือเป็นอีกงานหลักงานหนึ่งของพาณิชย์ ที่ได้มีการดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี 2560 แต่ที่ได้รับความสนใจและเรียกเสียงตอบรับได้มาก ก็คือ การสอนทำก๋วยเตี๋ยว ที่มีผู้สนใจสมัครเข้ามาเรียนเป็นจำนวนมาก ไม่เพียงแค่นั้น ยังมีการเดินหน้าสร้างนักศึกษาที่กำลังศึกษาอยู่ให้เป็นนักธุรกิจรุ่นใหม่ ด้วยการลงทุนในธุรกิจแฟรนไชส์ รวมถึงช่วยสร้างงานสร้างอาชีพให้กับผู้มีรายได้น้อยผ่านการลงทุนในธุรกิจแฟรนไชส์เช่นเดียวกัน แบบว่า ลงทุนน้อย ทำง่ายๆ เช่น ขายก๋วยเตี๋ยว กาแฟ ลูกชิ้นทอด หมูปิ้ง อะไรทำนองนี้ แล้วยังดึงธนาคารออมสินมาช่วยปล่อยกู้ให้ด้วย
          และยังไม่จบเพียงแค่นี้ ยังมีแผนเดินหน้าสร้างอาชีพให้คนไทย ทั้งการเข้าไปช่วยเหลือผู้ที่ไปเรียนทำอาหาร เรียนเสริมสวย ให้สามารถเปิดร้านทำธุรกิจเป็นของตัวเอง ช่วยฝึกแม่บ้านมืออาชีพ แบบว่า เรียนจนแล้ว มีโรงแรมรับตัวไปทำงานทันที ช่วยพัฒนาร้านโชห่วยให้เข้มแข็ง ผลักดันให้ผู้ผลิตสินค้าชุมชน สินค้าท้องถิ่น มีช่องทางการค้าขายผ่านออนไลน์ ซึ่งล้วนแต่เป็นการสร้างผู้ประกอบการเลือดใหม่เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจของประเทศ
 
ลดราคาสินค้าทั้งปี
          ต้องบอกว่าปี 2560 เป็นปีแห่งการลดราคาสินค้าเลยก็ว่าได้ เริ่มจากต้นปีร่วมมือกับผู้ผลิต ห้างค้าปลีกค้าส่ง ห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อลดราคาพร้อมกันทั่วประเทศ โดยเริ่มลดตั้งแต่ปลายปี 2559 จนถึงต้นปี 2560 จากนั้น ก่อนเปิดเทอม จัดโครงการ “ร่วมใจ ช่วยไทย ลดรับเปิดเทอม” นำสินค้าเครื่องแบบนักเรียน อุปกรณ์การเรียนมาลดราคา 20-80%
          ส่วนในระหว่างปี ได้จัดงานมหกรรมลดราคาสินค้าต่อเนื่อง ทั้งงานธงฟ้าในระดับประเทศ ระดับภาค ระดับจังหวัด อำเภอ ลงลึกถึงระดับตำบล และยังมีงานลดราคาสินค้าปลีกย่อย ไม่ว่าจะเป็นการลดราคาจำหน่ายสินค้าโอทอป สินค้าชุมชน สินค้าเกษตรอินทรีย์ ก่อนปิดท้ายปีด้วยการจัดงาน “รวมใจ เพิ่มสุข ลดรับปีใหม่” ลดราคา 20-80% เรียกได้ว่า ลดกันทั้งปีเลยก็ว่าได้
 
เปิดประตูการค้าให้ไทย
          เป็นอีกปีหนึ่ง ที่พาณิชย์ได้ใช้การเจรจาการค้า เพื่อเปิดประตูการค้า การลงทุน ให้กับผู้ประกอบการไทย โดยได้เดินหน้าเจรจาเปิดตลาดทั้งในกรอบข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) และการเจรจาภายใต้หุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจ (Strategic Partnership)
          ที่ประสบความสำเร็จและเห็นได้ชัด ก็คือ การปิดดีลการเจรจา FTA อาเซียน-ฮ่องกง ที่จะช่วยสร้างโอกาสในการค้าขายให้กับไทยเพิ่มขึ้นอีกมาก และการเจรจาภายใต้หุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจ ที่ได้ทำสำเร็จกับจีน ญี่ปุ่น เกาหลี และมีแผนจะเพิ่มความเข้มข้นมากขึ้น โดยมุ่งขยายการเจรจาไปยังยุโรปเป็นรายประเทศ รวมถึงการเตรียมความพร้อมกลับขึ้นโต๊ะเจรจา FTA ไทย-อียู และเริ่มต้นเจรจา FTA กับประเทศเป้าหมายใหม่ เช่น สหภาพเศรษฐกิจยูเรเซีย (อีเออียู) ซึ่งประกอบด้วย รัสเซีย คาซัคสถาน เบลารุส อาร์มีเนีย และคีร์กีซสถาน , ศรีลังกา , บังคลาเทศ , อิสราเอล เป็นต้น ซึ่งงานทั้งหมดนี้ พาณิชย์บอกว่า เป็นการทำเพื่อเปิดโอกาสทางการค้าและการลงทุนให้กับผู้ประกอบการไทย 

ติดตามข่าวสารแบบฉับไว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
ติดตามข่าวสารผ่าน Twitter
กดคลิก Follow ด้านล่าง