“ครก” เป็นสินค้าที่อยู่คู่กับครัวไทยมาช้านาน มีแหล่งผลิตหลายแหล่งในประเทศไทย และครก หากดูผิวเผิน ไม่น่าจะผลิตได้ยาก แค่เอาหินมาทำ แต่จริง ๆ แล้ว กว่าจะผลิตเป็นครกขึ้นมาได้ซักอัน ไม่เพียงแต่ต้องผ่านกระบวนการผลิตที่มากมาย แต่การผลิตในบางพื้นที่ ได้มีการนำภูมิปัญญาท้องถิ่น และใช้นวัตกรรมในการผลิตเข้ามาช่วย ทำให้ได้ครกที่มีคุณภาพดี และตลาดต้องการ จนสร้างชื่อเสียงให้กับแหล่งผลิตได้เป็นอย่างดี
         
วันนี้ มีข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์ มาแนะนำครกที่ขึ้นชื่อ และเป็นที่ต้องการของตลาด คือ ครกศิลาทิพย์ จาก จ.ตาก โดยเป็นครก ที่ผลิตด้วยภูมิปัญญา และเป็นสินค้าอัตลักษณ์ของ จ.ตาก ที่ผู้บริโภคให้การยอมรับในฝีมือ คุณภาพ และมาตรฐาน ที่สำคัญ ยังได้รับการคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในสินค้าที่ได้เข้าร่วมโครงการ Local BCG Plus ของกระทรวงพาณิชย์ด้วย
         
นายธารา ธาราศักดิ์ ผู้บริหารแบรนด์ ศิลาทิพย์ เล่าว่า จุดเริ่มต้นของการทำธุรกิจ มองว่า จังหวัดตาก ขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งหินแกรนิตคุณภาพดี เนื้อแข็ง เหมาะกับการนำมาแปรรูปเป็นครกหิน และผลิตภัณฑ์จากหินประเภทต่าง ๆ จึงได้เริ่มทำสินค้า โดยใช้แบรนด์ชื่อว่า ศิลาทิพย์ ก่อตั้งเมื่อปี 2557 โดยของเราจะเป็นวิสาหกิจชุมชน โดยการต่อยอดภูมิปัญญาการทำครกหิน เพราะครกหินเป็นสินค้าอัตลักษณ์ของจังหวัดตาก เป็นสินค้าที่ได้รับการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI)
         
โดยในกระบวนการผลิต เราเน้นการใช้ประโยชน์จากวัตถุดิบให้เกิดประโยชน์สูงสุด สมัยโบราณหิน 1 ก้อน ผลิตครกได้แค่ 1 ใบ แต่ด้วยนวัตกรรมการผลิต และการออกแบบของเรา ณ ปัจจุบัน ทำให้หิน 1 ก้อน สามารถแปรรูปนอกจากครกใบใหญ่ 1 ใบแล้ว แกนในครก ก็ยังมาทำเป็นครกเล็ก หรือว่าเป็นผลิตภัณฑ์จากหินต่าง ๆ เช่น หินสปา ของแต่งบ้าน แก้วน้ำ จานชาม โดยในกลุ่มผลิตภัณฑ์จากหินศิลาทิพย์ มีสมาชิกอยู่ 7 ครอบครัว แต่ละครอบครัวก็จะกระจายการทำงานตามบ้าน แล้วก็มารวมกัน ครกหินมีทั้งหมด 20 ทรง เริ่มต้นที่ 100-800 บาท
         


สำหรับประเภทผลิตภัณฑ์ จะแบ่งเป็นเครื่องใช้ในครัว เครื่องใช้สำนักงาน ของตกแต่งบ้าน ตกแต่งสวน แม้กระทั่งเครื่องประดับ โดยมีจุดเด่น คือ หินแกรนิตจะมีอยู่หลายจังหวัด ที่ จ.ตาก เราเอามาทดลอง โดยเอาหินจากจังหวัดอื่น ๆ ที่ทำครกมาแปรรูป ซึ่งจังหวัดอื่นสามารถใช้เหล็กหรือมีดกินเข้า แต่ของจังหวัดตากแข็งมากไม่เข้า ณ ปัจจุบัน วัตถุดิบหินแกรนิตจังหวัดตาก ถือว่าแข็งที่สุดในประเทศที่เอามาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ครก หรือผลิตภัณฑ์จากหิน

ส่วนกำลังการผลิต ครกหินจะมีหลายขนาด หลายขนาด โดยยืนพื้นเฉลี่ยประมาณ 400 ใบต่อเดือน ถ้ามีเวลาเหลือเราก็มาแปรรูปเป็นชิ้นงานอื่น ๆ ถ้าเป็นเล็ก ๆ อยู่ที่ 1,000 ชิ้นต่อเดือน กลุ่มลูกค้ามีหลายกลุ่ม คือ 1.ลูกค้าขายส่ง เราจะผลิตที่ตากส่งอ่างศิลาเป็นหลัก 2.ลูกค้าพวกแม่บ้านใช้ครก หรือคนที่ชื่นชอบการแต่งบ้าน 3.ลูกค้าที่ซื้อไปแล้วนำไปจำหน่ายต่ออีกทีหนึ่ง

ทั้งนี้ ได้ทำแผนงานในอนาคต โดยจะต่อยอดผลิตภัณฑ์ ใช้เศษวัสดุจากการทำครกเป็น Zero Waste จะต่อยอดโดยการนำผงหินไปวิจัย เพื่อทำเป็นผลิตภัณฑ์ต่อไปในอนาคต เพื่อความยั่งยืนตาม BCG Model โดยจริง ๆ สินค้าเราเป็นเศษที่เหลือใช้จากอุตสาหกรรมอื่น ก็คือ หินก้อนใหญ่ ๆ เขาเอาไปเลื่อยทำหินปูพื้น ทำเคาน์เตอร์ แล้วเขาจะมีเศษเล็ก ๆ ที่เมื่อก่อนเขาทิ้ง เราก็เอาเศษตรงนี้มาแปรรูปเป็นครก ส่วนสิ่งที่เราอยากได้จากกระทรวงพาณิชย์ อยากให้ช่วยทำตลาด เพื่อเปิดตัวสินค้าให้ผู้บริโภครู้จัก