ชวนชิมอาหาร Fine Dining สุดหรู จากวัตถุดิบ GI โดยเชฟมิชลิน

img

กรมทรัพย์สินทางปัญญา ได้เชิญนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และเชิญนักชิมและกูรูด้านอาหารชื่อดังของเมืองไทย มาร่วมชิมอาหาร Fine Dining (ไฟน์ ไดน์นิ่ง) ที่ร้านวรรณยุค โดยอาหารที่ทำเป็นอาหารรสเลิศนี้ ใช้วัตถุดิบที่ได้รับการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) จากทั่วประเทศ และผ่านฝีมือการปรุงของเชฟชาลี กาเดอร์ เจ้าของรางวัลบิบ กูร์มองด์ จากมิชลินไกด์ประเทศไทย
         
โดยนักชิมและกูรูด้านอาหาร ที่เข้าร่วมทดลองชิมในครั้งนี้ เช่น เชฟชุมพล แจ้งไพร ผู้รังสรรค์เมนูอาหารไทย ในการประชุม APEC 2022 เชฟเนตร เนตรอำไพ สาระโกเศศ กรรมการรายการเชฟกระทะเหล็กประเทศไทย มาดามตวง อุบลรัตน์ ช่อธีระพฤกษ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารระดับประเทศ คุณช้างน้อย กุญชร ณ อยุธยา เจ้าของเว็บไซต์ชื่อดัง The Could คุณพีรพัฒน์ ตุลยาเดชานนท์ นักรีวิวอาหารชื่อดังเจ้าของเพจ กินกับพีท คุณชลทิพย์ ระยามาศ เจ้าของรางวัล Top Food Influencer จากเวที Influencer Asia 2015 และมีสื่อมวลชนอีกหลายรายเข้าร่วม
         
ก่อนที่จะไปถึงการทดลองชิม ขอสรุปคร่าว ๆ ถึงอาหาร Fine Dining คืออะไรก่อน อาหาร Fine Dining เป็นการรับประทานอาหารรูปแบบหนึ่งที่มีมาตรฐานสูง ตั้งแต่ร้านอาหาร บรรยากาศต้องตกแต่งอย่างหรูหรา เสิร์ฟอาหารและเครื่องดื่มระดับพรีเมียม รสชาติดี อาหารตกแต่งสวยงาม และมีบริการที่ยอดเยี่ยม เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีและมีความสุข โดยการรับประทานอาหารแต่ละครั้ง จะใช้เวลาประมาณ 1.30-2.00 ชั่วโมง


         
เมื่อนั่งโต๊ะ เมนูแรกที่ทางร้านเสิร์ฟ คือ น้ำมะยงชิด รสชาติเปรี้ยว อมหวาน ถือว่า กลมกล่อม เรียกความว้าวได้พอตัว


 
จากนั้น เริ่มเข้าสู่เมนูกินเล่น คือ ม้าฮ่อมะยงชิด หมูย่างมะขามเทศ ขนมเบื้องยวน


ทั้งหมดนี้ ใช้วัตถุดิบ GI คือ มะยงชิดนครนายก จ.นครนายก มะขามเทศเพชรโนนไทย จ.นครราชสีมา และไชโป้วโพธาราม จ.ราชบุรี

ต่อมา เป็นอาหารเรียกน้ำย่อย น้ำพริกลงเรือ Daily Relish


ใช้วัตถุดิบ GI คือ ปลาสลิดบางบ่อ จ.สมุทรปราการ ชมพู่เพชร จ.เพชรบุรี ข้าวสังข์หยดเมืองพัทลุง จ.พัทลุง และไข่เค็มไชยา จ.สุราษฎร์ธานี
 
เริ่มเข้าสู่จานหลัก เริ่มจาก ต้มข่าไก่ น้ำพริกผัด กุ้งแพทอด กากหมู เมนูนี้ รวมกันมาในจานเดียว


ใช้วัตถุดิบ GI คือ ข้าวหอมมะลิอุบลราชธานี จ.อุบลราชธานี มะพร้าวเกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี (กะทิ) พริกบางช้าง จ.สมุทรสงคราม
         
ตามด้วย แกงส้มมะละกอ เนื้อเค็ม ต้มกะทิ

 
ใช้วัตถุดิบ GI คือ เนื้อโคขุนโพนยางคำ จ.สกลนคร เกลือภูเขาบ่อเกลือน่าน จ.น่าน
 
ถัดมา ปลาย่าง แกงอ่อม ป่นปลา ข้าวจี่


ใช้วัตถุดิบ GI คือ ปลากะพงสามน้ำทะเลสาบสงขลา จ.สงขลา ข้าวเหนียวเขี้ยวงูเชียงราย จ.เชียงราย
 
ต่อด้วย แกงคั่วหอยแครง กุ้งผัดพริกเกลือ ยำปลาดุกร้ามะพร้าวอ่อน


ใช้วัตถุดิบ GI คือ ข้าวก่ำล้านนา จาก 8 จังหวัด เชียงราย เชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน แพร่ น่าน พะเยา แม่ฮ่องสอน ปลาดุกร้าทะเลน้อย จ.พัทลุง มะพร้าวน้ำหอมราชบุรี จ.ราชบุรี
 
 ต่อมาเมนูหลัก ข้าวแกงวรรณยุค ประกอบด้วยยำเนื้อมังคุดเขาคีรีวง แกงป่ากุ้งสับ หลนเต้าเจี้ยวหมูสับ ไข่ดาววรรณยุค

 
ใช้วัตถุดิบ GI คือ เนื้อโคขุนโพนยางคำ จ.สกลนคร มังคุดเขาคีรีวง จ.นครศรีธรรมราช พริกไทยจันท์ จ.จันทบุรี หอมแดงศรีสะเกษ จ.ศรีสะเกษ กระเทียมศรีสะเกษ จ.ศรีสะเกษ
                  
จบด้วยขนมหวาน ขนมเปียกปูน


ใช้วัตถุดิบ GI คือ มะพร้าวเกาะพงัน จ.สุราษฎร์ธานี (กะทิ) น้ำตาลโตนดเมืองเพชร จ.เพชรบุรี
 
และปิดสุดท้ายด้วยสารพัดขนม ทั้งขนมหม้อแกง ขนมถ้วยกินกับเนยกรอบ และขนมไข่ที่มาในแบบของชูครีมไส้ไข่เค็ม

 

ภาพรวม ถือว่า เป็นสุดยอดอาหารไทยในรูปแบบ Fine Dining ที่ควรค่าแก่การไปทดลอง และที่พิเศษ ก็คือ ครั้งนี้ ร้านวรรณยุค ได้ร่วมมือกับกรมทรัพย์สินทางปัญญา นำวัตถุดิบ GI จากทั่วประเทศ มาใช้ในการปรุงอาหาร ทำให้รสชาติอาหารดียิ่ง ๆ ขึ้นไปอีก หากใครที่ต้องการจะตามรอย ลองจองคิวไปรับประทานดู ส่วนวัตถุดิบ GI ทางร้านยังคงใช้ในการประกอบอาหารต่อไป หากยังหาได้ เพราะบางชนิดขึ้นอยู่กับฤดูกาล แต่ถึงแม้จะไม่ใช่วัตถุดิบ GI ร้านก็นำวัตถุดิบขึ้นชื่อจากจังหวัดต่าง ๆ มาใช้อยู่แล้ว การันตี เรื่องของดี ของคุณภาพ รับรองไม่ผิดหวัง



 

ติดตามข่าวสารแบบฉับไว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
ติดตามข่าวสารผ่าน Twitter
กดคลิก Follow ด้านล่าง