​ไขปมลิขสิทธิ์ “ไอ้ไข่เด็กวัดเจดีย์”

img

ไอ้ไข่เด็กวัดเจดีย์” จ.นครศรีธรรมชาติ ซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีผู้นิยมสักการะ เพื่อขอโชคลาภที่โด่งดังอยู่ในขณะนี้ ได้เกิดมีข้อถกเถียงและเรียกร้องสิทธิ์ในผลงานลิขสิทธิ์ “ไอ้ไข่” เนื่องจากมีบุคคลแอบอ้างชื่อไอ้ไข่ไปเปิดเป็นวัดไอ้ไข่สาขาต่างๆ และจัดทำวัตถุให้เช่าบูชา
 
ล่าสุดกรมทรัพย์สินทางปัญญา ได้ออกมาชี้แจง และไขปมลิขสิทธิ์ ดังต่อไปนี้
 
วัดเจดีย์ยื่นแจ้งลิขสิทธิ์ “ไอ้ไข่” แล้วใช่หรือไม่ 
          วัดเจดีย์ยื่นแจ้งผลงานลิขสิทธิ์ “ไอ้ไข่เด็กวัดเจดีย์” กับกรมทรัพย์สินทางปัญญารวมทั้งสิ้น 11 ผลงาน โดยแจ้งเมื่อปี 2551 จำนวน 10 ผลงาน และแจ้งเพิ่มอีก 1 ผลงาน เมื่อปี 2563
 
แจ้งผลงานอะไรบ้าง
          ทั้ง 11 ผลงาน แยกเป็น ผ้ายันต์ 4 ผลงาน แจ้งเป็นศิลปกรรมประเภทงานจิตรกรรม รูปหล่อ 3 ผลงาน และเหรียญ 3 ผลงาน แจ้งเป็นศิลปกรรมประเภทงานประติมากรรม และหนังสือ “ไอ้ไข่เด็กวัดเจดีย์” แจ้งเป็นผลงานประเภทงานวรรณกรรม
 
เจ้าของลิขสิทธิ์ทำอะไรได้บ้าง
          ตามหลักกฎหมายลิขสิทธิ์ จะให้สิทธิแต่เพียงผู้เดียวแก่เจ้าของลิขสิทธิ์ในการทำซ้ำ ดัดแปลง เผยแพร่ต่อสาธารณชน ให้เช่า โอน หรืออนุญาตให้ผู้อื่นใช้งานอันมีลิขสิทธิ์ การกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งแก่งานอันมีลิขสิทธิ์โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์จึงเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์
 


ผลงาน “ไอ้ไข่” ได้รับการคุ้มครองตั้งแต่เมื่อใด
          ผลงานลิขสิทธิ์จะได้รับความคุ้มครองทันที เมื่อสร้างสรรค์ผลงานแล้วเสร็จ โดยไม่ต้องจดทะเบียนหรือแจ้งข้อมูล
 
การแจ้งข้อมูลลิขสิทธิ์ หมายถึงเป็นเจ้าของใช่หรือไม่
          การรับแจ้งข้อมูลลิขสิทธิ์ของกรมทรัพย์สินทางปัญญา มิได้เป็นการรับรองว่าผู้แจ้งข้อมูลเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ แต่เป็นเพียงการรวบรวมข้อมูลลิขสิทธิ์ไว้ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในการตรวจสอบและใช้ประโยชน์เมื่อต้องการขออนุญาตใช้งานอันมีลิขสิทธิ์เท่านั้น โดยผู้แจ้งต้องรับรองตนเองว่าเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในผลงานที่รับแจ้งนั้นด้วย
 
แล้วกรณี “ไอ้ไข่” เป็นอย่างไร
          ในกรณี “ไอ้ไข่” ที่แจ้งข้อมูลลิขสิทธิ์โดยวัดเจดีย์ ในฐานะเป็นนิติบุคคล หากเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ตามที่รับแจ้ง ก็จะได้รับการคุ้มครองงานลิขสิทธิ์เป็นเวลา 50 ปี นับแต่สร้างสรรค์ผลงาน

การจะบอกว่ามีการละเมิดลิขสิทธิ์หรือไม่ พิจารณาจากอะไร
          กรณีที่มีการละเมิด จะเข้าข่ายการละเมิดลิขสิทธิ์หรือไม่ อาจจะต้องพิจารณารายละเอียด เนื่องจากแต่ละกรณีจะมีรายละเอียดปลีกย่อยที่จะต้องนำมาพิจารณาแตกต่างกันไป และหากมีการฟ้องร้องจะต้องนำสืบข้อเท็จจริงจากทั้งสองฝ่าย โดยศาลจะเป็นผู้พิจารณาชี้ขาดต่อไป
 
กรมทรัพย์สินทางปัญญาช่วยอะไรในเรื่องนี้ได้บ้าง
          กรมทรัพย์สินทางปัญญามีบริการไกล่เกลี่ยและระงับข้อพิพาทด้านทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อเป็นอีกทางเลือกในการแก้ไขปัญหาข้อพิพาทและยุติปัญหา โดยไม่ต้องเข้าสู่กระบวนการของศาล โดยรายละเอียดสามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ www.ipthailand.go.th หรือติดต่อไปที่กองกฎหมาย กรมทรัพย์สินทางปัญญา โทร 02 547 5029

ติดตามข่าวสารแบบฉับไว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
ติดตามข่าวสารผ่าน Twitter
กดคลิก Follow ด้านล่าง