“ศุภจี”เผยคณะกรรมการควบคุมสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง เห็นชอบการดำเนินมาตรการ “การขออนุญาต (Licensing)” สำหรับการส่งออก ส่งกลับสินค้าที่ใช้ได้สองทาง (DUI) สร้างความสมดุลความมั่นคงกับการค้า ยึดหลักกฎหมายและพันธกรณีโลก นำร่องกลุ่มนิวเคลียร์ ต้นปี 69 ก่อนขยายผลไปยังกลุ่มนำร่องและระบบอิเล็กทรอนิกส์การบิน ยานพาหนะและอุปกรณ์ทางทะเล กลุ่มการบิน เตรียมเดินหน้าสร้างความรู้ ความเข้าใจต่อเนื่อง
นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงผลการประชุมคณะกรรมการควบคุมสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง ครั้งที่ 1/2569 เมื่อวันที่ 10 พ.ย.2568 ที่ผ่านมา ว่า ได้มีมติเห็นชอบแนวทางการดำเนินมาตรการ “การขออนุญาต (Licensing)” สำหรับการส่งออกและส่งกลับสินค้าที่ใช้ได้สองทาง (Dual-Use Items : DUI) เพื่อให้การควบคุมสินค้าดังกล่าวเป็นไปอย่างรัดกุม โปร่งใส และสอดคล้องกับบริบทการค้าและการเมืองโลก โดยมีเป้าหมายสำคัญในการสร้างสมดุลระหว่างการควบคุมด้านความมั่นคงกับการอำนวยความสะดวกทางการค้า ตลอดจนยึดถือกฎหมายภายในประเทศและพันธกรณีระหว่างประเทศ
โดยมาตรการ Licensing จะเริ่มบังคับใช้ช่วงต้นปี 2569 และในระยะเริ่มต้นจะครอบคลุมสินค้ากลุ่มที่เกี่ยวข้องกับนิวเคลียร์ เช่น วัสดุ เครื่องจักรกลหนัก และอุปกรณ์ทางเทคนิคที่อาจนำไปใช้ผลิตอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง เพื่อเป็นก้าวแรกในการสร้างระบบควบคุมสินค้าที่มีมาตรฐานสากลและเป็นที่ยอมรับของประชาคมโลก ซึ่งได้ออกแบบระบบให้เกิดความสมดุลระหว่างการควบคุมและการอำนวยความสะดวกแก่ภาคเอกชน โดยสินค้าที่มีพิกัดศุลกากรเข้าข่ายแต่ไม่เข้าเกณฑ์ DUI ตามคุณสมบัติทางเทคนิค จะสามารถใช้รหัสยกเว้น “EXEMPT99” ผ่านพิธีการศุลกากรได้อย่างรวดเร็ว เพื่อลดภาระและไม่กระทบต่อการดำเนินธุรกิจการค้า
ขณะเดียวกัน ได้เห็นชอบให้เตรียมขยายขอบเขตมาตรการ Licensing ไปยังระยะที่ 2 ครอบคลุมสินค้า DUI กลุ่มระบบนำร่องและระบบอิเล็กทรอนิกส์การบิน กลุ่มยานพาหนะและอุปกรณ์ทางทะเล รวมถึงกลุ่มการบิน อวกาศ และการขับดัน พร้อมทั้งให้ศึกษาความเป็นไปได้ในการควบคุมการถ่ายลำและการผ่านแดน โดยคำนึงถึงการรักษาสมดุลทางการค้าบนพื้นฐานของการไม่สร้างภาระให้แก่ประชาชนเกินจำเป็น และเห็นชอบให้มีการจัดทำบัญชีรายการสินค้าควบคุมแห่งชาติ (National Control List) ซึ่งจะมีการปรับปรุงและทบทวนอย่างน้อยทุก 5 ปี เพื่อให้สอดคล้องกับระบบ Harmonized ของศุลกากรโลก และทันต่อการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี

นางศุภจีกล่าวว่า การดำเนินมาตรการ Licensing ในครั้งนี้เป็นการพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส เพราะนอกจากจะแสดงให้ประชาคมโลกเห็นถึงความมุ่งมั่นของไทยในการปฏิบัติตามพันธกรณีระหว่างประเทศแล้ว ยังช่วยยกระดับความเชื่อมั่นของคู่ค้าและนักลงทุนต่างชาติว่าไทยไม่ใช่แหล่งเผยแพร่สินค้า DUI ที่เป็นภัยคุกคามต่อนานาประเทศ แต่เป็นประเทศที่มีระบบการควบคุมสินค้าที่เข้มแข็ง โปร่งใส และมีความรับผิดชอบต่อสังคมโลก ซึ่งจะช่วยรักษาฐานการผลิตภายในประเทศ เพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน และดึงดูดการลงทุนใหม่ในอนาคต
สำหรับมาตรการ Licensing เป็นการดำเนินการภายใต้กรอบกฎหมายภายในประเทศ ได้แก่ พ.ร.บ.การควบคุมสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง พ.ศ.2562 อีกทั้งยังสอดคล้องกับข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSCR 1540) ที่มุ่งป้องกันการแพร่ขยายอาวุธและเทคโนโลยีที่เป็นภัยต่อความมั่นคงระหว่างประเทศ
“จากนี้ไป กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าต่างประเทศจะเดินหน้าประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการทราบอย่างทั่วถึง พร้อมบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงกรมศุลกากร เพื่อปรับปรุงกฎหมาย ขั้นตอน และกระบวนการที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกัน โดยยึดหลักสร้างสมดุลระหว่างความมั่นคงกับการอำนวยความสะดวกทางการค้า ยึดหลักกฎหมาย และสอดคล้องพันธกรณีโลก ส่วนประเด็นภูมิรัฐศาสตร์ต้องไม่กระทบต่อภูมิเศรษฐศาสตร์ เพื่อให้มาตรการนี้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม สร้างความเชื่อมั่นในระบบการค้าของไทย และขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว”นางศุภจีกล่าว
ทั้งนี้ หน่วยงานที่เข้าร่วมประชุม ประกอบด้วยกรรมการภาครัฐจาก 13 หน่วยงานที่กำกับดูแลด้านความมั่นคง การต่างประเทศ และหน่วยงานภาคปฏิบัติ ได้แก่ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สำนักข่าวกรองแห่งชาติ กรมการอุตสาหกรรมทหารกรมองค์การระหว่างประเทศ กรมศุลกากร สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ กรมโรงงานอุตสาหกรรม กรมวิชาการเกษตร สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และกระทรวงพาณิชย์

ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
กดคลิก Follow ด้านล่าง

