กรมเจรจาฯ เผยแพร่ผลอัปเกรด ACFTA 3.0 และ ATIGA เตรียมลงนาม ต.ค.นี้

img

กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ นำผลการอัปเกรด FTA กับอาเซียนและจีน เผยแพร่ให้ทุกภาคส่วนได้รับรู้และเตรียมความพร้อมใช้ประโยชน์ เผย ACFTA 3.0 มีการปรับปรุงเนื้อหาให้ทันสมัย เพิ่มสาขาความร่วมมือใหม่ ส่วน Upgraded ATIGA มีทั้งปรับปรุงเนื้อหา เพิ่มการค้าสมัยใหม่ ปรับพิธีการศุลกากร ถิ่นกำเนิดสินค้า เตรียมลงนาม ต.ค.68 ช่วงประชุมผู้นำอาเซียน
         
น.ส.โชติมา เอี่ยมสวัสดิกุล อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงผลการจัดโครงการสัมมนา “Upgraded FTAs ขยายโอกาสการค้าภายใต้การยกระดับความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน (ACFTA 3.0) และการเจรจายกระดับความตกลงการค้าสินค้าอาเซียน (Upgraded ATIGA)” เมื่อเร็ว ๆ นี้ ว่า ได้เผยแพร่ผลการเจรจาความตกลง ACFTA 3.0 ความตกลง Upgraded ATIGA และได้เปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียร่วมแสดงความคิดเห็นและเตรียมความพร้อมใช้ประโยชน์จากความตกลงทั้งสองฉบับ โดยมีหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนร่วมให้ข้อมูลและแลกเปลี่ยนความเห็นกว่า 130 คน จากภาครัฐ เอกชน ภาคประชาสังคม ผู้ประกอบการ และยังมีผู้เข้าร่วมสัมมนาผ่านทาง Facebook Live ของกรม มากกว่า 1,000 คน
         
สำหรับความตกลง ACFTA 3.0 ที่อาเซียนทำกับจีน นอกจากจะมีการปรับปรุงเนื้อหาให้มีความทันสมัย สอดคล้องกับสภาพธุรกิจในปัจจุบัน และอำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการมากขึ้นแล้ว ความตกลงยังได้เพิ่มสาขาความร่วมมือใหม่ ๆ อาทิ เศรษฐกิจสีเขียว เศรษฐกิจดิจิทัล การเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทาน และวิสาหกิจขนาดกลางขนาดย่อม และรายย่อย (MSME)
         
ส่วนความตกลง Upgraded ATIGA ได้มีการปรับปรุงกฎเกณฑ์การค้าให้มีความทันสมัยมากขึ้น เพื่อตอบสนองรูปแบบการค้าในปัจจุบัน โดยปรับปรุงเนื้อหาผ่านการเพิ่มบทที่ทันสมัย อาทิ การค้าและสิ่งแวดล้อม การค้าในสถานการณ์วิกฤตการเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทาน การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของ MSME รวมทั้งปรับปรุงเนื้อหาด้านพิธีการทางศุลกากรให้มีการอำนวยความสะดวกมากขึ้น ซึ่งจะช่วยลดขั้นตอน ระยะเวลา และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการส่งออก-นำเข้าสินค้าระหว่างไทยกับอาเซียนให้กับผู้ประกอบการ และยังได้ปรับปรุงกฎถิ่นกำเนิดสินค้าให้มีความยืดหยุ่นและสะท้อนกระบวนการผลิตที่แท้จริงของภาคเอกชนมากขึ้น



ทั้งนี้ ภาคเอกชนเห็นว่าความตกลงทั้งสองฉบับ จะช่วยอำนวยความสะดวกทางการค้า และเพิ่มขีดความสามารถในการทำธุรกิจของไทยภายในอาเซียนและกับจีนมากยิ่งขึ้น เพราะ FTA ที่อาเซียนทำกับจีน และ FTA ของอาเซียน เป็น FTA ที่สำคัญของไทย เนื่องจากมีการใช้สิทธิประโยชน์มากที่สุดสองอันดับแรกของ FTA ทั้งหมดของไทย
         
“ขณะนี้กรมอยู่ระหว่างเตรียมการสำหรับการลงนามความตกลงทั้งสองฉบับ ในช่วงการประชุมผู้นำอาเซียนในเดือน ต.ค.2568 ซึ่งเมื่อความตกลงทั้งสองฉบับมีการลงนามแล้ว กรมจะนำเนื้อหาข้อบทความตกลงดังกล่าวลงเว็บไซต์ของกรม เพื่อให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้ศึกษาทำความเข้าใจและให้ข้อคิดเห็น รวมถึงเตรียมความพร้อมสำหรับการใช้ประโยชน์จากความตกลงทั้งสองฉบับดังกล่าวต่อไป”น.ส.โชติมากล่าว
         
ในปี 2567 การค้าระหว่างไทยกับอาเซียน มีมูลค่า 120,418.83 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไทยส่งออกไปอาเซียน มูลค่า 70,216.25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และไทยนำเข้าจากอาเซียน มูลค่า 50,202.58 ดอลลาร์สหรัฐ และในช่วง 7 เดือนของปี 2568 (ม.ค.-ก.ค.) การค้าระหว่างไทยกับอาเซียน มีมูลค่า 75,383.09 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 8.94% และในปี 2567 การค้าระหว่างไทยกับจีน มีมูลค่า 115,891.58 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไทยส่งออกไปจีน มูลค่า 35,277.11 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และไทยนำเข้าจากจีน มูลค่า 80,614.48 ดอลลาร์สหรัฐ และในช่วง 7 เดือน ปี 2568 การค้าระหว่างไทยกับจีน มูลค่า 83,712.62 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 28.51%

ติดตามข่าวสารแบบฉับไว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
ติดตามข่าวสารผ่าน Twitter
กดคลิก Follow ด้านล่าง