
กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเผยช่วง 9 เดือน ปี 68 ลงพื้นที่ 4 ภาค 4 นคร นครสวรรค์ นครพนม นครนายก และนครศรีธรรมราช ให้ความรู้เกษตรกรกว่า 800 ราย ผลักดันให้ใช้ไม้ยืนต้นค้ำประกันขอสินเชื่อ 30,247 ต้น วงเงินรวม 1.8 ล้านบาท ต้นสักมากสุด ตามด้วยตะเคียนทอง พะยูง แดง ยูคาลิปตัส ยางพารา รวมตั้งแต่ปี 61 ถึงปัจจุบัน ใช้ไม้ยืนต้นค้ำแล้ว 197,549 ต้น วงเงินกว่า 187 ล้านบาท
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงการผลักดันให้เกษตรกรนำไม้ยืนต้นมาใช้เป็นหลักประกันทางธุรกิจ เพื่อขอกู้เงินจากสถานบันการเงินในช่วง 9 เดือนของปี 2568 (ม.ค.-ก.ย.) ว่า ในปีนี้ กรมได้ร่วมมือกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ลงพื้นที่ 4 ภาค 4 นคร ประกอบด้วยนครสวรรค์ นครพนม นครนายก และนครศรีธรรมราช เพื่อสร้างความรู้และกระตุ้นเกษตรกรกว่า 800 ราย ได้รับทราบถึงกฎหมายหลักประกันทางธุรกิจ ที่เน้นการนำไม้ยืนต้นมาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันขอสินเชื่อโดยไม่ต้องตัดต้นไม้ขาย ปรากฎว่ามีเกษตรกรนำไม้ยืนต้นมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจแล้ว จำนวน 30,247 ต้น วงเงินรวม 1,806,000 บาท โดยต้นไม้ที่นำมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจ เช่น ต้นสัก ตะเคียนทอง พะยูง แดง ยูคาลิปตัส ยางพารา เป็นต้น
ทั้งนี้ นับตั้งแต่ พ.ร.บ.หลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ.2558 มีผลบังคับใช้ในปี 2561 จนถึงปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 15 ก.ย.2568) มีเกษตรกร และ SME ทั่วประเทศนำไม้ยืนต้นมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจแล้ว 197,549 ต้น (316 สัญญา) วงเงินรวมกว่า 187 ล้านบาท ต้นไม้ที่นำมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจ เช่น ต้นสัก ยาง มะฮอกกานี สะเดา ประดู่ป่า พะยูง พลวง มะม่วง
“กรมดีใจที่เห็นเกษตรกรเข้าใจถึงรายละเอียดและพร้อมใช้ประโยชน์จากกฎหมายหลักประกันทางธุรกิจ เพราะนั่นหมายถึงทางออกด้านการเงินที่เป็นปัญหาหลักและปัญหาใหญ่ของเกษตรกรไทยในปัจจุบัน ทำให้ได้เห็นประโยชน์ของไม้ยืนต้นที่ปลูกบนที่ดินของตนเองว่าสามารถนำมาแปลงเป็นเงินทุนต่อยอดทำธุรกิจหรือใช้สอยในชีวิตประจำวันได้ โดยไม่ต้องหาหลักทรัพย์อื่นมาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันการกู้เงินกับสถาบันการเงิน ไม้ยืนต้นจึงเปรียบเสมือนทองคำบนดินที่มีคุณค่าและพร้อมสร้างความมั่นคงในชีวิตให้แก่เกษตรกรในระยะยาว”นางอรมนกล่าว
ในปี 2568 กรมได้ลงนามบันทึกความร่วมมือว่าด้วยการพัฒนาระบบจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจแบบ Host to Host และการส่งเสริมการใช้ไม้ยืนต้นเป็นหลักประกันทางธุรกิจ กับ ธ.ก.ส. เมื่อวันที่ 3 ก.พ.2568 เพื่อพัฒนาระบบรองรับการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันแบบ Host to Host เพิ่มความรวดเร็วในการให้บริการ และส่งเสริมให้ผู้ประกอบการ SME และเกษตรกร ใช้ไม้ยืนต้นมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจ ซึ่งเป็นปีที่กรมทำงานอย่างหนักเพื่อให้เกษตรกรและ SME สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้โดยง่าย สะดวก และรวดเร็ว รวมถึงสร้างบรรทัดฐานการขอสินเชื่อรูปแบบใหม่ที่มีไม้ยืนต้น ก็สามารถต่อยอดนำไปกู้เงินกับสถาบันการเงินได้ ซึ่งช่วยแก้เพนพ้อยท์การเข้าถึงแหล่งเงินทุนของเกษตรกร และ SME รายย่อยอย่างเป็นรูปธรรม และบรรลุวัตถุประสงค์ตามเจตนารมณ์ของกฎหมายหลักประกันทางธุรกิจได้อย่างตรงจุดที่สุด
นอกจากนี้ ในการลงพื้นที่ นอกจากการผลักดันให้เกษตรกรมีความรู้ในการนำไม้ยืนยันมาใช้เป็นหลักประกันทางธุรกิจแล้ว ยังให้ความรู้เพิ่มเติมถึงคุณประโยชน์หรือมูลค่าเพิ่มของไม้ยืนต้นเรื่องอื่น ๆ เช่น คาร์บอนเครดิต ซึ่งจะเป็นสินค้าอนาคตที่เป็นผลพลอยได้จากการปลูกไม้ยืนต้น และเป็นที่ต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ เมื่อเกษตรกรเข้าใจถึงความสำคัญของต้นไม้อย่างถ่องแท้ ก็จะสามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากต้นไม้นั้นได้อย่างต่อเนื่อง ผนวกกับการใช้ประโยชน์จากกฎหมายว่าด้วยหลักประกันทางธุรกิจ ก็จะยิ่งช่วยให้ไม้ยืนต้นที่ปลูกเป็นมากกว่าต้นไม้ที่ให้เพียงร่มเงาหรือผลิตออกซิเจนเท่านั้น แต่จะเป็นต้นไม้ที่ช่วยสนับสนุนการดำเนินชีวิตให้มีความมั่นคงมากขึ้น
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
กดคลิก Follow ด้านล่าง