ส่งออกอัญมณี ก.ค.68 เพิ่ม 41.90% ทองเริ่มชะลอ สหรัฐฯ ยังเร่งนำเข้าหนีภาษีใหม่

img

ส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับ ก.ค.68 พุ่งต่อ มูลค่า 777.35 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่ม 41.90% บวกต่อเนื่อง 9 เดือนติด หากรวมทองคำ เพิ่ม 3.27% ยอด 7 เดือน ไม่รวมทองคำ เพิ่ม 60.50% รวมทองคำ เพิ่ม 70.01% เผยเฉพาะทอง เริ่มชะลอ ลด 14.65% เหตุราคาตลาดโลกลง คนซื้อทองลด จากสงครามการค้าชัดเจน ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์เริ่มผ่อนคลาย ส่วนตลาดสหรัฐฯ โตต่อจากการเร่งนำเข้าหนีภาษีใหม่ จับตา ส.ค.68 เริ่มชัด ภาษีกระทบหรือไม่ มั่นใจขีดแข่งขันไม่ลด ภาษีไทยใกล้เคียงภูมิภาค

นายสุเมธ ประสงค์พงษ์ชัย ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ GIT เปิดเผยว่า การส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับ ไม่รวมทองคำ เดือน ก.ค.2568 มีมูลค่า 777.35 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 41.90% ขยายตัวเป็นบวกต่อเนื่อง 9 เดือนติดต่อกัน หากรวมทองคำ มูลค่า 1,785.36 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 3.27% และการส่งออกรวม 7 เดือนของปี 2568 (ม.ค.-ก.ค.) ไม่รวมทองคำ มูลค่า 8,186.28 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 60.50% รวมทองคำ มูลค่า 15,808.44 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 70.01%

ทั้งนี้ การส่งออกเฉพาะทองคำในเดือน ก.ค.2568 มีมูลค่า 1,008 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 14.65% จากราคาตลาดโลกลดลงเป็นครั้งแรก หลังเพิ่มติดต่อกันมา 6 เดือน และคนซื้อทองลดลง เพราะสงครามการค้าเริ่มชัดเจน ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์เริ่มผ่อนคลาย ส่วนยอดรวมส่งออกทองคำ 7 เดือน มีมูลค่า 7,622.76 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 81.56% และแยกเป็นรายเดือน ม.ค.2568 มูลค่า 1,167.87 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 148.95% ก.พ.2568 มูลค่า 933.63 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 26.395% มี.ค.2568 มูลค่า 1,447.95 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 269.55% เม.ย.2568 มูลค่า 1,011.76 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 250.52% พ.ค.2568 มูลค่า 907.67 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 55.87% มิ.ย.2568 มูลค่า 1,145.26 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 26.18%

ทางด้านตลาดส่งออกสำคัญ สหรัฐฯ ยังคงส่งออกได้เพิ่มขึ้นสูงถึง 13.62% จากการเร่งนำเข้า เพื่อลดความเสี่ยงจากมาตรการภาษี ฮ่องกง เพิ่ม 1.61% เยอรมนี เพิ่ม 12.62% สหราชอาณาจักร เพิ่ม 37.57% สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพิ่ม 30.50% ญี่ปุ่น เพิ่ม 26.43% อิตาลี เพิ่ม 0.14% ส่วนสวิตเซอร์แลนด์ ลด 9.64% เบลเยี่ยม ลด 21.55%
         


ส่วนการส่งออกสินค้า แพลทินัม ยังคงเพิ่มสูงถึง 53,932.81% จากการส่งออกไปอินเดียเกือบทั้งหมด เครื่องประดับเงิน เพิ่ม 38.52% เครื่องประดับทอง เพิ่ม 12.19% เครื่องประดับแพลทินัม เพิ่ม 65.50% พลอยเนื้อแข็งเจียระไน เพิ่ม 6.83% เครื่องประดับเทียม เพิ่ม 8.63% ส่วนพลอยก้อน ลด 36.79% พลอยเนื้ออ่อนเจียระไน ลด 7.08% เพชรก้อน ลด 57.68% เพชรเจียระไน ลด 28.77%

นายสุเมธกล่าวว่า การส่งออกในช่วง 7 เดือน ของปี 2568 ที่เพิ่มขึ้น จากการเร่งนำเข้าล่วงหน้าก่อนมาตรการภาษีสหรัฐฯ จะมีผลบังคับใช้ แต่ก็ต้องจับตามองการส่งออกในเดือน ส.ค.2568 ที่อัตราภาษีใหม่ได้เริ่มบังคับใช้แล้ว จะมีผลต่อการส่งออกของไทยมากน้อยแค่ไหน เพราะมีการเร่งนำเข้าก่อนหน้านี้ มีความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจคู่ค้า และค่าเงินบาทแข็งค่า ที่จะฉุดความสามารถในการแข่งขัน แต่ยังเชื่อว่าสินค้าไทยจะยังคงรักษาความสามารถในการแข่งขันไว้ได้ โดยเฉพาะในตลาดสหรัฐฯ เพราะอัตราภาษีของไทย ปรับลดจากอัตรา 36% ลงมาเหลือ 19% และเมื่อเทียบกับคู่แข่งอยู่ในระดับเดียวกัน และดีกว่าจีนกับอินเดีย ทำให้ต้นทุนสินค้าไทยน้อยกว่า ลดความเสียเปรียบด้านการแข่งขัน และมีโอกาสชิงส่วนแบ่งตลาดได้เพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการไทยควรมุ่งเน้นพัฒนาสินค้าอย่างต่อเนื่อง ทั้งการพัฒนาคอลเลกชันใหม่ที่ตอบสนองความต้องการของตลาด โดยเฉพาะการใช้พลอยสี เช่น อะความารีนสีฟ้าอ่อน มอร์กาไนต์สีชมพูนวลหรือเพอริดอตสีเขียวอ่อน มาประดับในเครื่องประดับที่มีการผสมผสานระหว่างทองคำ เงิน และทองชมพู ซึ่งสร้างความโดดเด่นและแตกต่างจากผลิตภัณฑ์ทั่วไป การพัฒนาแบรนด์ของตัวเองให้มีเอกลักษณ์เฉพาะ โดยใช้จุดแข็งทางด้านงานฝีมือและความเชี่ยวชาญในการเจียระไนพลอยที่สั่งสมมายาวนาน ผนวกกับการเล่าเรื่องผ่านมรดกทางวัฒนธรรมไทยที่เข้มข้น เช่น ลวดลายไทยประเพณี หรือความหมายเชิงสัญลักษณ์ของพลอยแต่ละชนิดในความเชื่อของไทย ให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีเรื่องราวและจิตวิญญาณ ไม่ใช่เพียงแค่เครื่องประดับธรรมดา ขณะเดียวกัน การปรับตัวเข้าสู่โลกดิจิทัลด้วยการใช้แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซและการวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคด้วยเทคโนโลยีและการเรียนรู้การใช้งานเอไอ จะช่วยให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ตรงจุดมากขึ้น และเสริมศักยภาพการแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างยั่งยืน

ติดตามข่าวสารแบบฉับไว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
ติดตามข่าวสารผ่าน Twitter
กดคลิก Follow ด้านล่าง