กรมพัฒนาธุรกิจการค้า รับลูก “พิชัย-นภินทร” ลงพื้นที่พบปะผู้ประกอบการ จ.นครพนม รับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ และความต้องการให้ภาครัฐช่วยเหลือ เพื่อนำมาปรับแผนการส่งเสริมและพัฒนา เตรียมช่วยเพิ่มช่องทางการตลาด เพิ่มขีดความสามารถ เชื่อมโยงเครือข่าย และสร้างความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจ
         
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการลงพื้นที่ เพื่อพบปะพูดคุยกับผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชนสหกรณ์จักสานเส้นกก บ้านเหล่าพัฒนา และกลุ่มวิสาหกิจชุมชนหัตถกรรมจากกกเหล่าพัฒนา รวมถึงผู้ประกอบการชุมชนและเครือข่ายธุรกิจ MOC Biz Club จ.นครพนม ว่า การลงพื้นที่ในครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อกระชับความร่วมมือด้านต่าง ๆ และทราบถึงรายละเอียดความต้องการของผู้ประกอบการในพื้นที่ ซึ่งเป็นการดำเนินการตามนโยบายนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ต้องการให้หน่วยงานภาครัฐส่วนกลาง ลงพื้นที่พบปะพูดคุยกับผู้ประกอบการส่วนภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง และกันกำหนดแผนพัฒนาผู้ประกอบการให้สอดรับกับสภาพเศรษฐกิจ ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการบริหารจัดการธุรกิจให้สามารถปรับตัวทันต่อสถานการณ์การค้าโลก
         
ทั้งนี้ ผลจากการพูดคุย ผู้ประกอบการได้นำเสนอประเด็นที่ต้องการให้ภาครัฐช่วยเหลือและสนับสนุนด้านต่าง ๆ ดังนี้ 1.ขอรับการส่งเสริมด้านการตลาด โดยขอให้พาผู้ประกอบการออกร้านจำหน่ายสินค้าในงานแสดงและจำหน่ายสินค้าทั้งในและต่างประเทศที่มีกลุ่มเป้าหมายตรงกับผลิตภัณฑ์ของแต่ละผู้ประกอบการ เพื่อเพิ่มโอกาสทางการตลาดและขยายฐานลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ 2.ขอรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น และสนับสนุนองค์ความรู้และเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาช่วยในกระบวนการผลิต 3.ช่วยขยายช่องทางการตลาด ช่องทางการจัดจำหน่าย ทั้งในและต่างประเทศ และการเชื่อมโยงเครือข่ายกับกลุ่มธุรกิจต่าง ๆ ที่เกี่ยวเนื่อง 4.ขอรับคำแนะนำและการสนับสนุนด้านการจดทะเบียนนิติบุคคล เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือแก่ผู้ประกอบการชุมชนให้สามารถดำเนินธุรกิจกับผู้ซื้อรายใหญ่ได้โดยตรง และเพิ่มโอกาสในการเข้าร่วมงานแสดงและจำหน่ายสินค้าระดับพรีเมียมทั้งในและต่างประเทศ และ 5.พัฒนากลุ่มเครือข่ายให้มีศักยภาพเพิ่มขึ้น เพื่อเพิ่มอำนาจต่อรองกับกลุ่มผู้ซื้อสินค้ารายใหญ่
         
“ได้ยืนยันไปว่า กรมพร้อมให้การส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการชุมชนในส่วนภูมิภาคอย่างเต็มที่ เพราะเชื่อมั่นว่าธุรกิจชุมชนและภูมิภาค เป็นหน่วยงานที่มีความสำคัญต่อการจ้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ ให้คนในท้องถิ่น และต้องขอขอบคุณผู้ประกอบการภูมิภาคที่ให้ความร่วมมือกับภาครัฐเป็นอย่างดี และเป็นกลไกที่ส่งเสริมให้เศรษฐกิจทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศมีความเข้มแข็งและเติบโตอย่างมีศักยภาพ”นางอรมนกล่าว
         


สำหรับแผนงาน โครงการ และกิจกรรมที่กรมได้เตรียมไว้ มีความหลากหลายและครอบคลุมความต้องการของภาคธุรกิจในส่วนภูมิภาค ได้แก่ 1.การส่งเสริมด้านการตลาดและการจัดแสดงสินค้า เช่น การสนับสนุนให้ผู้ประกอบการชุมชนได้เข้าร่วมงานแสดงและจำหน่ายสินค้าที่มีกลุ่มเป้าหมายสอดคล้องกับผลิตภัณฑ์ของแต่ละกลุ่มผู้ประกอบการ เพื่อสร้างโอกาสทางการตลาดและเพิ่มยอดจำหน่ายสินค้า และการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดสรรพื้นที่สำหรับการออกร้านและจำหน่ายสินค้าทั้งงานระดับภูมิภาคและระดับประเทศอย่างต่อเนื่อง
         
2.การพัฒนาทักษะและเพิ่มขีดความสามารถผู้ประกอบการชุมชนให้มากขึ้น เช่น การจัดหลักสูตรอบรมด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การออกแบบบรรจุภัณฑ์ และกลยุทธ์ทางการตลาดใหม่ ๆ และการสนับสนุนการนำเทคโนโลยีและเครื่องมือการผลิตสินค้าที่ทันสมัยเข้ามาช่วยในกระบวนการผลิต เพื่อเพื่อประสิทธิภาพการผลิตสินค้าให้สอดคล้องกับปริมาณความต้องการสินค้าของผู้บริโภค
         
3.สนับสนุนการเชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจชุมชนกับกลุ่มเครือข่ายต่าง ๆ เช่น กลุ่มสมาชิกเครือข่าย  MOC Biz Club กลุ่มธุรกิจโรงแรม และกลุ่มธุรกิจอื่นที่มีศักยภาพ เพื่อต่อยอดองค์ความรู้ และสร้างความร่วมมือในระยะยาว
         
4.การเสริมสร้างศักยภาพด้านนิติบุคคลและความน่าเชื่อถือ เช่น การให้คำปรึกษาและสนับสนุนด้านการจดทะเบียนนิติบุคคล เพื่อให้ผู้ประกอบการชุมชนมีสถานะทางกฎหมายที่ชัดเจน สามารถทำธุรกรรมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนได้โดยตรง การจัดอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ของการจดทะเบียนนิติบุคคล ตลอดจนข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการชุมชนที่ค้าขายผ่านช่องทางออนไลน์ดำเนินการสร้างความเชื่อมั่นให้กับร้านค้าออนไลน์ โดยการขอรับเครื่องหมายรับรองความน่าเชื่อถือของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า “เครื่องหมาย DBD Registered” โดยนำไปติดบนหน้าเว็บไซต์ หรือบนหน้าเพจจำหน่ายสินค้าของผู้ประกอบการ เพื่อยืนยันว่าร้านค้าของผู้ประกอบการมีตัวตนจริงและน่าเชื่อถือ เป็นการเพิ่มแต้มต่อทางการตลาดออนไลน์ให้สามารถแข่งขันได้อย่างมั่นใจ ส่งผลให้ผู้บริโภคหรือลูกค้าที่จะซื้อสินค้าออนไลน์เกิดความสบายใจ และสามารถตรวจสอบข้อมูลร้านค้าออนไลน์ได้เมื่อพบปัญหาจากการซื้อสินค้า