กรมการค้าต่างประเทศโชว์ผลจัดคณะผู้แทนการค้าเดินทางไปเจรจาขยายตลาดและประชาสัมพันธ์ข้าวอินทรีย์ไทยในเยอรมนีและอิตาลี ประสบความสำเร็จตามเป้า เผยกรณีนำวิสาหกิจชุมชนและ SME เข้าร่วมงาน BIOFACH 2025 ขายได้กว่า 166 ล้าน จัดรณรงค์บริโภคข้าวอินทรีย์ที่ร้าน Thai SELECT สื่อ อินฟลูเอนเซอร์แห่ร่วม ช่วยโปรโมตเพียบ พร้อมพบผู้นำเข้า ผู้จัดจำหน่าย ผลักดันนำเข้าข้าวไทยเพิ่ม ได้รับการตอบรับที่ดี   
         
นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงผลการจัดคณะผู้แทนการค้าเดินทางไปเจรจาขยายตลาดและกระชับความพันธ์ทางการค้า ณ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี และสาธารณรัฐอิตาลี ระหว่างวันที่ 8–15 ก.พ.2568 ภายใต้โครงการส่งเสริมตลาดและประชาสัมพันธ์ข้าวอินทรีย์ไทยประจำปีงบประมาณ 2568 ว่า การจัดกิจกรรมขยายตลาดข้าวไทยในครั้งนี้ ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก โดยการนำผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชนและบริษัท SME จำนวน 5 ราย เข้าร่วมงานแสดงสินค้า BIOFACH 2025 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 11–14 ก.พ.2568 ณ เมืองนูเรมเบิร์ก (Nuremberg) เยอรมนี ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าเกษตรอินทรีย์นานาชาติชั้นนำที่รวบรวมผู้จัดแสดงสินค้าและผู้เข้าชมจากอุตสาหกรรมเกษตรอินทรีย์ทั่วโลก สามารถเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ที่ดีของข้าวอินทรีย์ไทยให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายในวงกว้างมากขึ้น และมียอดคำสั่งซื้อกว่า 166  ล้านบาท
         
ส่วนการจัดกิจกรรมรณรงค์บริโภคข้าวอินทรีย์ไทย “Healthy Rice by Thai Organic Rice” ที่จัดขึ้นร่วมกับร้านอร่อยดี เป็นร้านอาหารไทยที่ได้รับตราสัญลักษณ์ Thai SELECT ในเมืองวีสบาเดิน เยอรมนี มีผู้นำเข้ารายสำคัญ สื่อมวลชน และอินฟูเอนเซอร์ท้องถิ่น เข้าร่วมกิจกรรมกว่า 20 ราย สามารถช่วยส่งเสริมการบริโภคข้าวอินทรีย์ไทยและสร้างการรับรู้ในตลาดเยอรมนีและยุโรปได้เพิ่มขึ้น
         
นอกจากนี้ ยังได้พบปะหารือกับผู้นำเข้า ผู้จัดจำหน่ายและผู้ค้าส่ง-ปลีก ในเยอรมนี ได้แก่ Tran Soan Wiesbaden Asia Markt , Denns Biomarkt และ Go Asia และที่อิตาลี ได้แก่ Uniontrade S.P.A. , CPF Europe S.A. Filiale Italiana , Tang Food Market และ Kathey โดยได้ผลักดันให้นำเข้าข้าวไทยเพิ่มมากขึ้นและสร้างการรับรู้เกี่ยวกับเครื่องหมายรับรองข้าวหอมมะลิไทย (ตราเขียว) ซึ่งถือเป็นเครื่องหมายสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคในต่างประเทศว่าข้าวหอมมะลิที่ได้รับตราดังกล่าวมีแหล่งกำเนิดในประเทศไทยและมีคุณภาพเป็นไปตามมาตฐานที่กระทรวงพาณิชย์ไทยกำหนด รวมทั้งยังได้แลกเปลี่ยนและทราบข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับสถานการณ์ตลาดข้าว แนวโน้มและความนิยมบริโภคข้าวไทยในยุโรปรวมถึงโอกาสในการส่งออกข้าวไทยในอนาคต
         


สำหรับการพบปะหารือกับบริษัท Bioagricert Srl Uniopersonale ซึ่งเป็นหน่วยงานรับรองเกษตรอินทรีย์ระหว่างประเทศ มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในจังหวัดโบโลญญา อิตาลี และมีเครือข่ายครอบคลุมในหลายประเทศทั่วโลก เช่น จีน เม็กซิโก อินเดีย เกาหลีใต้ รวมถึงไทย ได้แลกเปลี่ยนข้อมูลสำคัญต่าง ๆ รวมถึงกฎระเบียบใหม่ที่กำหนดให้ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกทั้งหมดที่นำเข้ามายังสหภาพยุโรป จะต้องปฏิบัติตามมาตรฐานออร์แกนิกของ EU หรือเทียบเท่ากับมาตรฐานของ EU เช่น USDA และ NOP เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกทุกชิ้นต้องตรงตามมาตรฐานเดียวกันไม่ว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะมาจากแหล่งใด โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 ม.ค.2568 ซึ่งนับว่ามีความสำคัญอย่างมากสำหรับผู้ผลิตและผู้นำเข้าที่ต้องปรับตัวตามกฎระเบียบใหม่ดังกล่าว

ทั้งนี้ บริษัทได้แจ้งว่ายินดีที่จะร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐของไทยในการช่วยผลักดันการรับรองสินค้าข้าวอินทรีย์ในประเทศไทยให้เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งการฝึกอบรมและถ่ายทอดความรู้ให้กับกลุ่มเกษตรกรเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการส่งเสริมและเพิ่มศักยภาพในตลาดสินค้าข้าวอินทรีย์ของไทยในอนาคตต่อไป

“การเดินทางครั้งนี้ ไม่เพียงช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางการค้ากับตลาดยุโรป แต่ยังเป็นการสร้างโอกาสใหม่ ๆ ในการขยายตลาดข้าวอินทรีย์ของไทย รวมทั้งได้มองเห็นโอกาสอีกมากในการผลักดันข้าวอินทรีย์ไทยของกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อยออกสู่ตลาดต่างประเทศมากขึ้น ซึ่งจะช่วยทำให้อุตสาหกรรมข้าวอินทรีย์ไทยเกิดความเข้มแข็งตลอดห่วงโซ่อุปทานอย่างยั่งยืนในอนาคต ตามนโยบายของนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ได้มอบหมายเอาไว้”นางอารดากล่าว

ในปี 2567 ที่ผ่านมา ไทยส่งออกข้าวอินทรีย์ปริมาณ รวม 22,378 ตัน มูลค่า 1,095 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ที่มีปริมาณส่งออก 16,940 ตัน มูลค่า 815 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 32.10% และ 34.85% ตามลำดับ โดยตลาดส่งออกหลักเป็นกลุ่มประเทศที่มีรายได้สูงที่ผู้บริโภคใส่ใจในสุขภาพและให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม ได้แก่ สหรัฐฯ อิตาลี แคนาดา สวิตเซอร์แลนด์ และเนเธอร์แลนด์