
กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เผยสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงไทย มีโอกาสขายจีน หลังคนนิยมเลี้ยงหมา-แมวเพิ่มมากขึ้น ทำให้ความต้องการอาหารสัตว์เพิ่มขึ้นตามไปด้วย แนะสามารถเจาะได้ทั้งกลุ่มพรีเมียม และราคาประหยัด แต่ต้องเข้มเรื่องคุณภาพ มาตรฐาน ส่วนการทำตลาด ควรใช้ช่องทางออนไลน์มาช่วย
น.ส.สุนันทา กังวาลกุลกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมได้มอบนโยบายให้ทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ในประเทศต่าง ๆ ทำการสำรวจลู่ทางการค้า และโอกาสการส่งออกสินค้าไทยไปยังประเทศที่ประจำอยู่ ตามนโยบายนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ล่าสุดได้รับรายงานจาก น.ส.นันท์นภัส งามแม้น ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองเซี่ยเหมิน สาธารณรัฐประชาชนจีน ถึงภาพรวมตลาดสัตว์เลี้ยงของจีน และโอกาสในการส่งออกสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงของไทย เพื่อป้อนความต้องการของผู้เลี้ยงสัตว์ที่เพิ่มจำนวนมากขึ้น
ทั้งนี้ ทูตพาณิชย์ได้ให้ข้อมูลว่า ในปี 2024 ตลาดผู้บริโภคสัตว์เลี้ยง (สุนัขและแมว) ในจีนมีมูลค่าสูงถึง 41,900 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 7.5% โดยตลาดของสุนัข เพิ่มขึ้น 4.6% และตลาดแมว เพิ่มขึ้น 10.7% และอาหารสัตว์เลี้ยง เป็นกลุ่มตลาดที่ใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยง คิดเป็นสัดส่วน 52.8% ของการบริโภคทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับสัตว์เลี้ยงในปี 2024 ซึ่งสหรัฐฯ ยังคงเป็นซัปพลายเออร์อาหารสัตว์เลี้ยงรายใหญ่ที่สุดในจีน ครองส่วนแบ่งตลาดกว่า 69% สะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคชาวจีนยังคงนิยมอาหารสัตว์เลี้ยงระดับพรีเมียมจากสหรัฐฯ
สำหรับอาหารสัตว์เลี้ยงเฉลี่ยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา พบว่า อาหารสัตว์เลี้ยง รวมถึงอาหารแห้ง อาหารกึ่งชื้น ขนม และอาหารเสริม มีสัดส่วนเฉลี่ย 56.1% ของโครงสร้างตลาด และเฉพาะปี 2024 ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงมีมูลค่า 22,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 9.2% แต่ถ้าดูตั้งแต่ปี 2013-2024 ตลาดนี้มีอัตราเติบโตเฉลี่ยต่อปี ที่ 22.4%
นอกจากนี้ ยังพบว่า ในปี 2023 เจ้าของสัตว์เลี้ยงในจีนมีจำนวนถึง 106 ล้านคน ส่วนใหญ่มาจากเมือง First Tier City และ Third Tier City ลงไป สัดส่วนเจ้าของสัตว์เลี้ยงในเมือง First Tier City อยู่ที่ 29% ขณะที่ในเมือง Third Tier City ลงไปอยู่ที่ 30% โดยปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ เป็นเมืองที่มีสัดส่วนเจ้าของสัตว์เลี้ยงประเภทสุนัขสูงที่สุด ขณะที่กว่างโจวและปักกิ่ง มีสัดส่วนเจ้าของแมวสูงที่สุด และจำนวนสัตว์เลี้ยงทั้งหมดในจีน ในปี 2024 อยู่ที่ 124.1 ล้านตัว โดยหลัก ๆ แบ่งเป็นแมว 71.5 ล้านตัว เพิ่มขึ้น 2.5% และสุนัข 52.6 ล้านตัว เพิ่มขึ้น 1.6%
ส่วนการบริโภคอาหารสัตว์ พบว่า การบริโภคอาหารแมวเริ่มมีจำนวนมากกว่าอาหารสุนัข สะท้อนว่าผู้บริโภคจีนให้ความนิยมกับการเลี้ยงแมวเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากมองว่าแมวต้องการการดูแลกลางแจ้งน้อยกว่าและเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนในเมือง ซึ่งต้องเผชิญข้อจำกัดด้านเวลาทำงานและพื้นที่อยู่อาศัย และความนิยมอาหารสัตว์ กลุ่มเจ้าของสุนัข นิยมอาหารแห้งอบ อาหารแช่แข็ง และอาหารสดเพิ่มขึ้น และกลุ่มเจ้าของแมวนิยมอาหารแห้งอบ และอาหารสด เพิ่มขึ้น ขณะที่ความนิยมในอาหารแช่แข็ง และอาหารที่ผ่านการอัดขึ้นรูป ลดลง โดยผู้บริโภคได้พัฒนาไปสองขั้ว คือ ตลาดอาหารสัตว์ระดับพรีเมียม เพราะตระหนักถึงโภชนาการและสุขภาพของสัตว์เลี้ยง และราคาประหยัด เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงสัตว์ แต่ยังต้องการอาหารสัตว์ที่มีคุณภาพ รวมทั้งนิยมซื้ออาหารสัตว์ผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น เช่น Taobao , Tmall และ JD.com แต่ TikTok ก็มีอัตราการเติบโตมากขึ้น
“จากแนวโน้มการเติบโตของผู้เลี้ยงสัตว์ และตลาดอาหารสัตว์ในจีนดังกล่าว ถือเป็นโอกาสดีของผู้ผลิตและผู้ส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงของไทย ทั้งการเจาะกลุ่มอาหารสัตว์พรีเมียม หรือกลุ่มอาหารสัตว์ราคาประหยัด โดยต้องพัฒนานวัตกรรมการผลิตและมาตรฐานของสินค้าให้ตอบสนองความต้องการ ซึ่งมั่นใจว่าจะขยายตลาดได้เพิ่มมากขึ้น เพราะปัจจุบัน ไทยส่งออกอาหารสัตว์ไปจีนติด Top 3 และยังเป็นสินค้าที่มีแนวโน้มขยายตัวได้ดี โดยผู้ประกอบการนอกจากผลิตสินค้าให้ดี มีมาตรฐานแล้ว ควรพิจารณากลยุทธ์ที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการยกระดับคุณภาพสินค้าในกลุ่มราคาประหยัด หรือการเน้นเรื่องความแตกต่างในตลาดพรีเมียม และใช้ช่องทางออนไลน์ในการทำตลาด ก็จะทำให้ขยายการส่งออกได้มากขึ้น”น.ส.สุนันทากล่าว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
กดคลิก Follow ด้านล่าง