ดัชนีราคาส่งออก-นำเข้า ธ.ค.67 เพิ่ม จากทั่วโลกซื้อสินค้าไทย ไทยซื้อบริโภคในประเทศ

img

สนค.เผยดัชนีราคาส่งออก เดือน ธ.ค.67 เพิ่ม 1.2% เหตุสินค้าส่งออกหลายรายการเป็นที่ต้องการของตลาดโลก ทั้งอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ทองคำ น้ำมัน อาหารสัตว์ อาหารทะเลกระป๋อง ยางพารา ผลไม้ ส่วนดัชนีราคานำเข้า เพิ่ม 2.5% จากการเพิ่มขึ้นเกือบทุกหมวดสินค้า ทั้งอุปโภคบริโภค ทุน วัตถุดิบ ส่วนเชื้อเพลิงและยานพาหนะ ลด คาดดัชนีปี 68 ยังขยายตัว จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก คู่ค้า ราคาสินค้าเกษตรและอาหารสูงขึ้น รวมถึงพลังงาน อิเล็กทรอนิกส์  
         
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) และโฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาส่งออกเดือน ธ.ค.2567 เท่ากับ 110.8 เมื่อเทียบกับเดือน ธ.ค.2566 เพิ่มขึ้น 1.2% จากการสูงขึ้นของทุกหมวดสินค้า โดยหมวดสินค้าอุตสาหกรรม เพิ่ม 1.4% จากเครื่องเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และทองคำ ตามแนวโน้มความต้องการสินค้าในตลาดโลกที่ขยายตัวต่อเนื่อง หมวดสินค้าแร่และเชื้อเพลิง เพิ่ม 1.3% จากน้ำมันสำเร็จรูป ตามทิศทางราคาน้ำมันตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น หมวดสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตร เพิ่ม 0.9% จากอาหารสัตว์เลี้ยง ตามความนิยมสัตว์เลี้ยงทั่วโลกที่เพิ่มขึ้น และอาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป เนื่องจากมาตรฐานและคุณภาพการผลิตเป็นที่ยอมรับของตลาดโลก และหมวดสินค้าเกษตรกรรม เพิ่ม 0.1% จากยางพารา ตามปริมาณผลผลิตลดลงจากปัญหาน้ำท่วมในภาคใต้ และผลไม้สดแช่เย็น แช่แข็ง และแห้ง ขยายตัวตามความต้องการบริโภคผลไม้จากจีน

ทั้งนี้ ดัชนีราคาส่งออกและเฉลี่ยทั้งปี 2567 เพิ่มขึ้น 1.4% เป็นการขยายตัวต่อเนื่องตลอดทั้งปี และปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2566 ที่ขยายตัวเฉลี่ย 1.1% โดยเป็นการขยายตัวได้ดีเกือบทุกหมวดสินค้า ยกเว้นหมวดสินค้าเชื้อเพลิง เนื่องจากอุปสงค์น้ำมันโลกยังอยู่ในระดับต่ำ จากเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มฟื้นตัวช้า



สำหรับดัชนีราคานำเข้าเดือน ธ.ค.2567 เท่ากับ 112.9 เมื่อเทียบกับเดือน ธ.ค.2566 เพิ่มขึ้น 2.5% เป็นผลจากการสูงขึ้นของราคาในเกือบทุกหมวดสินค้า โดยหมวดสินค้าอุปโภคบริโภค เพิ่ม 7.5% จากเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม เครื่องประดับอัญมณี และผัก ผลไม้และของปรุงแต่งที่ทำจากผัก ผลไม้ เพื่อตอบสนองความต้องการในการอุปโภคบริโภคของประเทศ และรองรับการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว หมวดสินค้าทุน เพิ่ม 4.1% จากเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ และเครื่องจักรกลและส่วนประกอบ ตามความต้องการสินค้าเพิ่มขึ้นในภาคอุตสาหกรรม การผลิต และบริการ หมวดสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป เพิ่ม 3.1% จากทองคำ ตามการสำรองทองคำเพื่อความปลอดภัยของหลายประเทศทั่วโลกสำหรับอุปกรณ์ ส่วนประกอบเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ และเคมีภัณฑ์ ตามความต้องการสินค้าเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมต่าง ๆ ส่วนหมวดสินค้าเชื้อเพลิง ลด 3% ตามทิศทางราคาน้ำมันตลาดโลกที่สูงขึ้นเล็กน้อย และหมวดยานพาหนะและอุปกรณ์การขนส่ง ลด 1.1% โดยเฉพาะรถยนต์โดยสารและรถบรรทุก เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับหนี้ครัวเรือนสูง ทำให้สถาบันการเงินมีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ

โดยดัชนีรารานำเข้าเฉลี่ยปี 2567 เพิ่ม 1.1% จากปี 2566 ที่ลดลง 0.9% และเป็นการขยายตัวได้ดีเกือบทุกหมวดสินค้า ยกเว้นหมวดสินค้าเชื้อเพลิง และหมวดยานพาหนะและอุปกรณ์การขนส่ง ซึ่งเป็นไปตามทิศทางราคาน้ำมันตลาดโลก และความต้องการสินค้าที่ชะลอลง
         
นายพูนพงษ์กล่าวว่า แนวโน้มดัชนีราคาส่งออกและดัชนีราคานำเข้า ปี 2568 คาดว่าจะขยายตัวต่อเนื่องจากปีก่อน แม้จะเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงหลายด้าน แต่ยังมีปัจจัยสนับสนุนจากฐานราคาของปี 2567 ยังอยู่ในระดับไม่สูงมาก สถานการณ์เศรษฐกิจโลกและประเทศคู่ค้าคาดว่าจะมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ราคาสินค้าเกษตรและอาหารบางกลุ่มยังขยายตัวตามความต้องการที่เพิ่มขึ้น ราคาพลังงานและวัตถุดิบมีแนวโน้มปรับสูงขึ้น และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าบางกลุ่มขยายตัวตามการเติบโตของอุตสาหกรรมเทคโนโลยี

อย่างไรก็ตาม มีปัจจัยเสี่ยงที่ควรเฝ้าระวัง ได้แก่ ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก และประเทศคู่ค้า โดยเฉพาะการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ความเสี่ยงจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่มีแนวโน้มยืดเยื้อในหลายภูมิภาค ความไม่แน่นอนจากนโยบายการค้าและภาษีของสหรัฐฯ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก รวมถึงการส่งออกของไทย การแข่งขันทางด้านราคามีแนวโน้มสูงขึ้น และความผันผวนของค่าเงินบาท

ติดตามข่าวสารแบบฉับไว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
ติดตามข่าวสารผ่าน Twitter
กดคลิก Follow ด้านล่าง