“พาณิชย์” ดึงโรงแป้งรายใหญ่ รับซื้อมันสำปะหลัง จ.กาญจนบุรี เกษตรกรยิ้มออกขายได้ราคาดี

img

“พิชัย”สั่งการที่ปรึกษา เลขานุการรัฐมนตรี จัดทีมลงพื้นที่ ตรวจสอบการเปิดจุดรับซื้อมันสำปะหลังในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี หลังนำร่องเปิดจุดรับซื้อเป็นแห่งแรก เผยดึงโรงแป้งรายใหญ่จาก จ.นครราชสีมา และ จ.ชัยภูมิ มารับซื้อถึงที่ ให้ราคากิโลกรัมละ 2 บาท เกษตรกรยิ้มออก ขายได้ราคาดี มีรายได้เพิ่มขึ้น
         
นายคุณากร ปรีชาชนะชัย ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้รับมอบหมายจากนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้ลงพื้นที่พร้อมด้วยนายจิรวัฒน์ อรัณยกานนท์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และคณะ ไปตรวจสอบการเปิดจุดรับซื้อมันสำปะหลังของเกษตรกร ใน จ.กาญจนบุรี เนื่องจากพบว่าเกษตรกรขายผลผลิตได้ต่ำกว่าจังหวัดอื่น โดยได้ดึงโรงแป้งรายใหญ่ใน จ.นครราชสีมา บริษัท สงวนวงษ์ สตาร์ช จำกัด และ บริษัท ชัยภูมิ สตาร์ช จำกัด จาก จ.ชัยภูมิ เข้ามาซื้อนำร่องใน อ.ไทรโยค อ.เมือง และ อ.บ่อพลอย ซึ่งเป็นอำเภอที่เป็นแหล่งเพาะปลูกของจังหวัด และเกษตรกรได้เริ่มเก็บเกี่ยวผลผลิตออกสู่ตลาดแล้ว โดยรับซื้อในราคากิโลกรัมละ 2 บาท ที่เชื้อแป้งมาตรฐาน 25% ซึ่งเป็นราคาที่สูงกว่าราคาที่ซื้อขายกันในพื้นที่ 1.60-1.70 บาทต่อกิโลกรัม
         
ทั้งนี้ การเปิดจุดรับซื้อดังกล่าว กระทรวงพาณิชย์ได้ขอรับจัดสรรงบประมาณเป็นการเฉพาะจากกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับความเดือดร้อนจากการขายผลผลิต โดยเฉพาะในจังหวัดที่มีราคาต่ำกว่าพื้นที่อื่น โดยนำผู้ผลิตจากนอกพื้นที่เข้ามารับซื้อและดึงผลผลิตออกไป กระตุ้นตลาดให้เกิดการแข่งขัน หากผู้ซื้อเดิมอยากได้ของ จะต้องเพิ่มราคารับซื้อให้เกษตรกร ซึ่งขณะนี้เปิดแล้ว 4 จุด มีเกษตรกรมาขายผลผลิตแล้วประมาณ 150 ราย ผลผลิตประมาณ 800 ตัน หลังจากนี้จะทยอยเปิดเพิ่มให้ครอบคลุมพื้นที่ตำบลอื่น เพื่อให้สามารถรองรับผลผลิตเกษตรกรได้ทั่วถึง และจากการพูดคุยกับเกษตรกรที่กำลังเอาผลผลิตมาขาย มีความพึ่งพอใจ เพราะได้ราคาสูงกว่าการขายนอกโครงการ
         


“ราคารับซื้อ ขึ้นอยู่กับคุณภาพและเปอร์เซ็นต์แป้งของมันสำปะหลัง ขอให้เกษตรกรเพาะปลูกและเก็บเกี่ยวผลผลิตที่มีคุณภาพ และรักษาสิทธิ์ของตนเองในการนำผลผลิตมาจำหน่ายให้ผู้รับซื้อ โดยให้มีการวัดเปอร์เซ็นต์เชื้อแป้งทุกครั้ง เพื่อจะได้ราคาที่ยุติธรรม และขอให้เกษตรกรมั่นใจในการนำผลผลิตมาขายในโครงการ ซึ่งได้สั่งการกรมการค้าภายใน ให้กำกับดูแลลานรับซื้อใช้เครื่องชั่งน้ำหนัก เครื่องวัดเปอร์เซ็นต์เชื้อแป้งที่ได้มาตรฐานตามที่กำหนด และเน้นย้ำขอให้เปลี่ยนน้ำที่ใช้สำหรับการวัดเชื้อแป้งอย่างน้อยทุก ๆ 4-5 ครั้ง เพื่อไม่ให้มีสิ่งเจือปนหรือดินอยู่ในน้ำที่จะเป็นสาเหตุทำให้เปอร์เซ็นแป้งที่วัดได้ต่ำลง”นายคุณากรกล่าว
         
นายสมมาตร พุมเรียง เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ต.สิงห์ อ.ไทรโยค กล่าวว่า ได้นำมันสำปะหลังมาขายที่ลานมัน ต.สิงห์ ถือว่าเป็นโครงการที่ดีที่ช่วยเหลือเกษตรกรโดยตรง จากที่ขายได้ตันละ 1,200-1,400 บาท ก็ได้ราคาเพิ่มขึ้นเป็นตันละ 2,000 บาท พวกเราเกษตรกรก็มีรายได้เพิ่มขึ้น
         
นางละออง ขวัญเมือง เกษตรกร ต.บ้องตี้ อ.ไทรโยค ซึ่งนำผลผลิตมาขายที่ลานใน ต.บ้องตี้ กล่าวว่า อยากให้ทำโครงการต่อเนื่องและยั่งยืน ถ้าเป็นไปได้ขอให้ขยายจุดรับซื้อเพิ่มเติมเพิ่ม เพื่อให้เกษตรกรที่อยู่ห่างไกลได้มีแหล่งขาย และขอให้ลานมันใช้เครื่องวัดเชื้อแป้งและเครื่องชั่งที่ได้มาตรฐาน เกษตรกรจะได้รับความเป็นธรรมด้วย

ติดตามข่าวสารแบบฉับไว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
ติดตามข่าวสารผ่าน Twitter
กดคลิก Follow ด้านล่าง