วันนี้ (18 เม.ย.) คนส่วนใหญ่ ได้กลับเข้าสู่ “โหมดทำงาน” กันแล้ว หลังจากหยุดยาวฉลอง “สงกรานต์”  
         
หลายคนคงใช้จ่ายหนักในช่วงเทศกาล รวมทั้งตัวผู้เขียนเอง

จากนี้ คงต้องเข้าสู่ “โหมดประหยัด”
         
ทางเลือกในการ “ประหยัด” และ “ลดค่าครองชีพ” ที่ดีที่สุดสำหรับชาวกรุงในขณะนี้ ขอแนะนำให้มองหาป้าย “Mobile พาณิชย์...ลดราคา! ช่วยประชาชน” ที่กระจายอยู่ทั่วทั้งกรุงเทพฯ
         
โครงการ “Mobile พาณิชย์...ลดราคา! ช่วยประชาชน” เป็นโครงการที่เกิดขึ้นตามนโยบายของ “นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์” ที่ได้สั่งการให้ “กรมการค้าภายใน” เดินหน้า “ลดค่าครองชีพ” ให้กับประชาชนอย่างต่อเนื่อง   
         
โครงการนี้ เริ่มต้นมาตั้งแต่ “วันที่ 1 เม.ย.2565” จะสิ้นสุดใน “วันที่ 30 เม.ย.2565”
         
ช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา ก็เปิดขายทุกวัน ไม่มีวันหยุด
         
โครงการดังกล่าว ได้นำสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพไปจำหน่าย ผ่าน “จุดจำหน่ายสินค้า 70 จุด” และ “รถโมบาย 25 คัน”
         
โดยกรมการค้าภายในร่วมมือกับ “กรุงเทพมหานคร” และ “การเคหะแห่งชาติ” ในการกำหนด “จุดจำหน่าย” และ “จุดจอดรถโมบาย” เช่น ที่สำนักงานเขตทั้ง 50 เขต แหล่งชุมชน และการเคหะ
         
สินค้าที่นำไปจำหน่าย ล้วนแต่เป็นที่ต้องการใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น ข้าวสาร ไข่ไก่ น้ำมันพืช ซอสปรุงรส ผงซักฟอก ครีมอาบน้ำ สบู่ แชมพู น้ำยาล้างจาน น้ำยาซักผ้า น้ำยาปรับผ้านุ่ม ยาสีฟัน หน้ากากอนามัย
         


และยังมี “ผลผลิตทางการเกษตร” ที่ได้ไปซื้อจากเกษตรกรมาช่วยจำหน่าย เช่น มะม่วง หัวหอม กระเทียม และเกลือ เพื่อเป็นการช่วยเหลือเกษตรกร
         
ผลการเปิดจุดจำหน่าย และการขายผ่านรถโมบาย ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก
         
ประชาชนให้การ “ตอบรับ” และออกมาซื้อสินค้ากันอย่าง “คึกคัก”
         
โดยสินค้าที่ประชาชนนิยมซื้อ ได้แก่ “ไข่ไก่” เบอร์ M ราคาแผงละ 105 บาท “ข้าวหอมมะลิ” (ถุงละ 5 กก.) ราคาถุงละ 120 บาท “น้ำมันพืช” ขวดละ 58 บาท
         
สินค้าอุปโภคบริโภคอื่น ๆ เช่น “ผงซักฟอก” (700 กรัม) จากถุงละ 58 บาทเหลือ 35 บาท “น้ำยาล้างจาน” (400 มล.) จากถุงละ 20 บาท เหลือ 8 บาท “ครีมอาบน้ำ” (500 มล.) จากขวดละ 130 บาท เหลือ 54 บาท “แชมพู” และ “ครีมนวด” (450 มล.) จากขวดละ 169 เหลือ 92 บาท “ซอสปรุงรส” (600 ซีซี) จากขวดละ 25 บาท เหลือ 17 บาท “ซอสเห็ดหอม” (800 ซีซี) จากขวดละ 50 บาท เหลือ 40 บาท เป็นต้น
         
ลดราคากันสุด ๆ โดยลดสูงสุดถึง 60%
         
ส่วน “สินค้าเกษตร” ที่ได้ทำการเชื่อมโยงผลผลิตมาจำหน่าย ก็ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน
         
ยกตัวอย่างเช่น “มะม่วงน้ำดอกไม้” กิโลกรัมละ 20-25 บาท “มะม่วงเขียวเสวย” กิโลกรัมละ 10-20 บาท “กระเทียม” จาก จ.เชียงใหม่ และศรีสะเกษ กิโลกรัมละ 50 บาท และ “เกลือ” จาก จ.สมุทรสงคราม กิโลกรัมละ 10 บาท  
         
ใครที่ต้องการบริโภค “ข้าวเหนียมมะม่วง” ตาม “มิลลิฟีเวอร์” ก็สามารถแวะไปซื้อได้ตามจุดจำหน่ายและรถโมบาย
         


ยืนยัน ว่า “มะม่วง” ทั้ง “ถูก” ทั้ง “คุณภาพดี”
         
หากไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน ก็ตรวจสอบได้ง่าย ๆ ผ่านมือถือ โดยเพิ่มเพื่อนได้ที่ LINE @mobilepanich
         
หรือจะตรวจสอบจุดจำหน่ายผ่านหน้าเว็บไซต์ https://mobilepanich.com คลิกเข้าไปดู เลือกวันที่ ก็จะโชว์ออกมา ว่า จะไปขายที่เขตไหน สถานที่ใด จะได้วางแผนไปซื้อได้ถูก
         
โดยสินค้า ไม่เพียงมีให้เลือก “หลากหลาย” แต่ยังเป็นสินค้าที่ “ตอบโจทย์” การใช้ชีวิตประจำวัน ไปซื้อทีเดียว “ได้ครบ” อยู่กันต่อได้เป็นเดือน ๆ
         
ส่วนในต่างจังหวัด “กรมการค้าภายใน” แจ้งว่า ไม่ได้ทอดทิ้ง ได้ประสานงานให้ “สำนักงานพาณิชย์จังหวัด” พิจารณาดำเนินการจัดจำหน่ายสินค้าราคาประหยัดตามมาตรการของแต่ละจังหวัด
         
สำหรับสถานที่จัดจำหน่าย อาจจะเป็นการจัดพื้นที่จำหน่ายในงานของจังหวัด งานเทศกาล งานประจำปีของจังหวัด อำเภอ หรือจัดขึ้นในตลาด

มีเป้าหมาย เพื่อกระตุ้นการ “จับจ่ายใช้สอย” และ “ลดค่าครองชีพ” ให้กับประชาชนเหมือนกับในกรุงเทพฯ
         
ถือเป็นหนึ่งในโครงการดี ๆ ที่ “พาณิชย์” จัดให้
         
ใครที่ต้องการลดรายจ่าย ลดค่าครองชีพ ลองแวะไปหาซื้อสินค้าราคาประหยัดได้
         
ลดกันแบบ “จัดหนัก-จัดเต็ม” จริง ๆ

แต่สำหรับชาวกรุง รีบกันหน่อย

ตอนนี้ เหลือเวลาอีกแค่ 10 กว่าวันเท่านั้น

เว้นแต่ว่า “พาณิชย์” เขาใจดี จะ “จัดต่อ”
 
ซีเอ็นเอ