“นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์” ได้กำหนดนโยบายเร่งด่วนข้อหนึ่ง คือ การ “ตามหา” และช่วย “ผลักดัน” สินค้าส่งออกรายการใหม่ ๆ ที่เป็น “ดาวรุ่ง พุ่งแรง”
         
แล้วสินค้าที่ว่านั้น ต้องสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ “ตลาดนำการผลิต” ที่การผลิตต้องเป็นไปตามที่ตลาดต้องการ ไม่ใช่ผลิตแล้ว หาตลาดรองรับไม่ได้
         
ต้องสอดคล้องกับนโยบาย BCG Economy Model ที่มุ่งส่งเสริมเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว ที่กำลังเป็น “เมกะเทรนด์” สำคัญของโลก
         
และสุดท้าย ต้องสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล อย่างเช่น การผลักดันให้ “กัญชง” เป็นพืชเศรษฐกิจใหม่
         
“กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ” ได้รับนโยบายและจัดทำโปรเจ็กต์หนึ่งขึ้นมา คือ “โครงการพัฒนาและส่งเสริมการส่งออกสินค้าสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มที่ทำจากเส้นใยและผลิตภัณฑ์จากใยกัญชง”
         
มีเป้าหมายเพื่อ “พัฒนา” และ “ส่งเสริมการส่งออก” สินค้า “สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม” ที่ทำจากเส้นใยและผลิตภัณฑ์ใยกัญชง
         
โครงการนี้ สอดคล้องทั้งยุทธศาสตร์ “ตลาดนำการผลิต” ทั้งนโยบาย “BCG Economy Model” และนโยบายรัฐบาลที่ต้องการส่งเสริมพืชเศรษฐกิจ “กัญชง”
         
“นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ” บอกว่า กรมฯ เริ่มจุดประกายโครงการนี้ ด้วยการอบรมเชิงปฏิบัติการให้กับผู้ประกอบการในการพัฒนาสินค้าแฟชั่นสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มที่ทำจากเส้นใยและผลิตภัณฑ์จากใยกัญชง รวมทั้งสินค้าไลฟ์สไตล์จากกัญชง
         
มีความคาดหวัง คือ ต้องการผลิต “สินค้ารายการใหม่ ๆ” ออกมา รองรับ “ความต้องการของตลาด” ที่กำลังสูงขึ้น
         


การอบรม ได้เชิญผู้เชี่ยวชาญ ผู้ทรงคุณวุฒิในด้านต่าง ๆ มาถ่ายทอดองค์ความรู้เกี่ยวกับสิ่งทอจากกัญชง ไม่ว่าจะเป็นคุณลักษณะและความพิเศษของสิ่งทอกัญชง การนำไปใช้ให้เหมาะสมกับผลิตภัณฑ์ รวมไปถึงแนวทางการสินค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์จากกัญชงที่สอดคล้องกับแนวโน้มความต้องการของผู้บริโภค
         
ได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการ นักออกแบบ นักสร้างสรรค์ผลงาน อาจารย์ นักศึกษา เป็นอย่างมาก

จากนั้น ได้เดินหน้าต่อ จัดสัมมนาให้ความรู้ “มหัศจรรย์เส้นใยกัญชง สู่ตลาดโลก” ให้กับผู้ประกอบการ นักออกแบบ นักสร้างสรรค์ผลงาน อาจารย์ และนักศึกษา เมื่อวันที่ 25 ก.พ.2565 ที่ผ่านมา

“นายนันทพงษ์ จิระเลิศพงษ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ” กล่าวในช่วงเป็นประธานเปิดงาน ว่า กรมฯ มองเห็น “โอกาส” ในการเพิ่มมูลค่าการส่งออก และสร้าง “รายได้” ให้กับเกษตรกรผู้ปลูกกัญชง จึงได้ขับเคลื่อนโครงการนี้อย่างเร่งด่วน 
         
การจัดทำโครงการ ได้ร่วมมือกับ “สหพันธ์อุตสาหกรรมสิ่งทอแห่งประเทศไทย" และ “สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ”
         
โดยจะช่วยกันพัฒนาศักยภาพและส่งเสริมผู้ประกอบการในการสร้างมูลค่าเพิ่ม เพื่อขยายช่องทางการค้าไปยังตลาดต่างประเทศ
         
เริ่มจาก การศึกษาความต้องการของตลาดเชิงลึก วิเคราะห์ และเชื่อมโยงโอกาสทางการค้ากับข้อมูลภาคการผลิต อันจะนำไปสู่การพัฒนาอุตสาหกรรม ตลอดห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ให้เกิดการบูรณาการร่วมกันในเชิงพาณิชย์อย่างเป็นระบบ สามารถสร้างความเข้มแข็งในอุตสาหกรรม และสร้างความเชื่อมั่นทางการค้าระหว่างประเทศ
         
ไม่เพียงแค่นั้น ยังได้จัดทำ “คู่มือ Hemp Business” เพื่อเป็นไกด์ไลน์ให้กับผู้ประกอบการที่สนใจ



คู่มือเล่มนี้ มีรายละเอียดที่น่าสนใจ เช่น แนวทางการเริ่มต้นธุรกิจสิ่งทอจากเส้นใยกัญชง การผลิต การแปรรูป การพัฒนาผลิตภัณฑ์จากเส้นใยกัญชง การผลิตเส้นด้ายใยกัญชง โอกาสของสิ่งทอเส้นใยกัญชงในต่างประเทศ

ที่เด็ดเลย มีตัวอย่างผลิตภัณฑ์ใยกัญชง ที่สามารถผลิตออกมาได้แล้วมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเสื้อโปโลสำหรับตีกอล์ฟ ชุดสูท กางเกงยีนส์ กระเป๋า หมวก และสเกตบอร์ด เป็นต้น
         
ใครที่สนใจ ลองไปหาดาวโหลดมาอ่านได้จากเว็บไซต์ www.ditp.go.th หรือสอบถามสำนักส่งเสริมการค้าสินค้าไลฟ์สไตล์ กลุ่มงานสินค้าแฟชั่น โทร 02 507 8322
         
ส่วนแผนสนับสนุน “ด้านการตลาด” นายนันทพงษ์ บอกว่า กรมฯ จะช่วยให้สินค้าที่ทำจากเส้นใยกัญชง ได้มีเวที “โชว์ตัว” โดยนำมาจัดแสดงในงานแสดงสินค้าสิ่งทอ สินค้าไลฟ์สไตล์ หรือเวทีต่าง ๆ ที่เห็นสมควร เพื่อเปิดตัวออกสู่ตลาดทั้งในและต่างประเทศ  
         
พร้อมกับมอบหมาย “ทูตพาณิชย์” ให้ช่วยทำตลาด ช่วยสืบหา เสาะหา ว่า ตลาดไหนมีความต้องการ จะได้ประสานการเจรจาธุรกิจและทำตลาดต่อไป
         
จากจุดเริ่มต้นที่นายจุรินทร์ มอบนโยบายให้ตามหาสินค้า “ดาวรุ่ง” ตัวใหม่ รายการใหม่
         
มาจนถึงวันนี้ เริ่มมีความชัดเจนแล้ว ประเทศไทยกำลังจะมีสินค้าใหม่ ที่เป็นผลพลอยได้จาก “กัญชง”

เป็นทั้งสินค้าที่ตอบสนองทั้งความต้องการของตลาด ตอบสนองนโยบาย BCG และตอบสนองโยบายรัฐบาล ได้แบบครบถ้วนในสินค้าตัวเดียว
         
ต้องชื่นชม “กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ” ที่ขับเคลื่อนได้อย่างรวดเร็ว

ตรงตามคอนเซ็ปต์นายจุรินทร์ ที่ย้ำอยู่เสมอกับการผลักดันนโยบายและโครงการต่าง ๆ ของกระทรวงพาณิชย์

ที่เน้น “ทำได้ไว ทำได้จริง” 
         
ซีเอ็นเอ