​เคลียร์ปมสิทธิบัตรยา “ฟาวิพิราเวียร์”

img

ช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ชมรมแพทย์ชนบท ได้ออกมาเตือนยา “ฟาวิพิราเวียร์” อาจล้มรัฐบาล “ประยุทธ์

เพราะปัจจุบัน มีปัญหาการขาดแคลนยา ยามีไม่เพียงพอต่อจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้น แม้ล่าสุดจะนำเข้ามาได้ทันแบบ “เส้นยาแดงผ่าแปด” ก็ตาม

ไม่เพียงแค่นั้น ยาที่นำเข้ามา จะได้ใช้แค่ระยะหนึ่งเท่านั้น ต้องนำเข้ามาอีกเรื่อยๆ หากสถานการณ์โควิด-19 ยังเป็นเช่นนี้
         
พร้อมชี้แนะให้รัฐบาลแสดงความกล้าหาญทางการเมือง ต้องสั่งการให้กรมทรัพย์สินทางปัญญา ปฏิเสธคำขอสิทธิบัตรยาฟาวิพิราเวียร์ ที่มีการยื่นจดอยู่ในขณะนี้
         
ต้องสนับสนุนองค์การเภสัชกรรม (อภ.) ผลิตยาเพื่อประชาชน
         
ขณะที่ “สภาองค์กรของผู้บริโภค” ก็เห็นไปในทางเดียวกัน ขอให้รัฐบาลผลักดันให้ อภ. เร่งผลิต เพื่อป้องกันการขาดแคลนยา ลดการนำเข้ายาจากต่างประเทศ และทำให้ราคายาถูกลง
         
พร้อมย้ำ ขอให้รีบๆ ดำเนินการ ก่อนที่จะสายเกินไป
         
ปัจจุบัน การจดสิทธิบัตรยาฟาวิพิราเวียร์ในไทย บริษัท ฟูจิฟิล์ม จากญี่ปุ่น ได้มายื่นจดแบบเม็ด ขนาดเล็กลง เพื่อให้สะดวกแก่การกิน
         
ทั้ง “ชมรมแพทย์ชนบท” และ “สภาองค์กรของผู้บริโภค” ต่างเห็นตรงกัน “ไม่มีความใหม่และนวัตกรรมที่สูงขึ้น” และคำขอสิทธิบัตร “ยังเขียนไว้กว้าง ครอบคลุมไปหมด เพื่อกีดกันไม่ให้ผู้อื่นผลิตได้
         
ถ้าขืนอนุมัติให้จด “สิทธิบัตร” ปัญหาก็จะบานปลาย แล้วถ้า อภ. ผลิตยานี้ขึ้นมา โอกาสที่จะถูกฟ้องร้องก็มีได้
         
ก่อนทั้งหมดทั้งมวล ได้พุ่งเป้าไปยัง “กรมทรัพย์สินทางปัญญา” ที่รู้ถึงขนาดนี้แล้ว ยัง “ไม่ยอมปฏิเสธคำขอ
         
ทันที ที่กระแสกำลังจะเริ่มบานปลาย “กรมทรัพย์สินทางปัญญา” ได้ออกมา “เคลียร์ปมปัญหา” ในทันที
         


นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา” ชี้แจงว่า ขณะนี้ มีสิทธิบัตรที่เกี่ยวข้องกับยาฟาวิพิราเวียร์ 2 ฉบับ
         
ฉบับแรก เกี่ยวกับ “โครงสร้างสารออกฤทธิ์หลักของยาฟาวิพิราเวียร์ ไม่เคยยื่นขอรับสิทธิบัตรในไทย ปัจจุบันหมดอายุความคุ้มครองในทุกประเทศทั่วโลก ตั้งแต่เดือนส.ค.2562 แล้ว

ดังนั้น ผู้ผลิตยา สามารถนำสูตรโครงสร้างของสารออกฤทธิ์หลักนี้ไปพัฒนาเป็นสูตรยาเพื่อใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ได้ทันที

หรือพูดให้เข้าใจง่ายๆ “ใครก็นำสูตรยาไปพัฒนายาต่อได้” เหมือนอย่างที่ อภ. กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้

อีกฉบับ เป็นตัวที่มี “ปัญหา” ที่หลายฝ่ายพูดถึง เป็นการยื่นขอรับสิทธิบัตรรูปแบบยาเม็ด

ยื่นให้กรมทรัพย์สินทางปัญญา ตรวจสอบการประดิษฐ์เมื่อวันที่ 4 ก.ย.2560

ตอนนี้ ผู้ตรวจสอบได้พิจารณาแล้ว มีหนังสือแจ้งผลการตรวจสอบไปยังผู้ขอ เมื่อวันที่ 2 ก.พ.2564 ระบุว่า “สิทธิบัตรดังกล่าวไม่มีขั้นการประดิษฐ์ที่สูงขึ้น

ผู้ขอมีกรอบระยะเวลาในการชี้แจงถึงวันที่ 30 ส.ค.2564 หากผู้ขอไม่ชี้แจงเข้ามาตามเวลาที่กำหนด จะถือว่าละทิ้งคำขอ ตามมาตรา 27 แห่ง พ.ร.บ.สิทธิบัตร

โดยปัญหาที่จะต้องขบคิดต่อจากนี้ คือ “ทำอย่างไร ให้มีการผลิตยาฟาวิพิราเวียร์” ในไทยได้โดยเร็ว
         
ล่าสุด ผลการประชุมร่วมระหว่างกระทรวงสาธารณสุข กรมทรัพย์สินทางปัญญา สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และ อภ. ได้ข้อสรุปว่า “ประเด็นเรื่องสิทธิบัตร” มีความชัดเจนแล้ว
         
ตอนนี้ ก็รอดูว่า ผู้ยื่นคำขอจะส่งข้อมูลเพิ่มเติมเข้ามาหรือไม่
         
ถ้าไม่ ก็ถือว่า ละทิ้งคำขอ “การยื่นจดสิทธิบัตรก็ตกไป”  
         


แต่ถ้า “ยื่นข้อมูลเพิ่มเติมเข้ามา” ถ้าดูแล้ว “ไม่ใหม่ ไม่มีเทคโนโลยีอะไรที่สูงขึ้นเลย” ก็จะ “ปฏิเสธคำขอ
         
การจดสิทธิบัตร ก็จะตกไป
         
ส่วนประเด็นการผลิตยา ขณะนี้ อภ. กำลังเดินหน้าผลิตเพื่อวิจัย กำลังศึกษาชีวสมมูลในมนุษย์ เพื่อดูการดูดซึม การขับออก
         
พร้อมเตรียมการขึ้นทะเบียนกับ อย. เตรียมการสต๊อกวัตถุดิบ เพื่อเตรียมการผลิต
         
คาดว่า จะรู้ผลช่วงเดือนส.ค.2564 ช่วงเดียวกันกับที่จะรู้ว่า “จะรับจดสิทธิบัตร หรือไม่รับจดสิทธิบัตร” พอดี
         
สรุปความได้ว่า ตอนนี้ การผลิตยาฟาวิพิราเวียร์ในไทย ก็ยังเดินหน้าต่อ ผลิตไปด้วย ศึกษาไปด้วย เตรียมขึ้นทะเบียนกับ อย. ไปด้วย
         
เพราะฉะนั้น “ไม่ต้องกังวล” ไทยจะมียาที่ใช้ต่อสู้กับโควิด-19 แน่
         
จะมีแบบ “ต้องซื้อ” หรือ “ผลิตเอง” ก็ต้องรอดูต่อไป
         
ส่วนปมปัญหาเรื่อง “สิทธิบัตรยาฟาวิพิราเวียร์” วันนี้ ถือว่า “จบแล้ว” มีทางออกแค่ 2 ทาง “จดกับไม่จด” เท่านั้น   
         
แต่แว่วๆ มา หวยน่าจะออกไปที่ “ไม่จด” มากกว่า
         
เพราะเงื่อนไขสำคัญของการจดสิทธิบัตร ก็คือ ถ้า “ไม่ใหม่” ก็จบ มันไปต่อไม่ได้อยู่แล้ว
         
คนเชียร์ ก็อย่าเพิ่งใจร้อน ร้อนใจ
         
กรมทรัพย์สินทางปัญญา” กำลังจะตัดจบ “ปมปัญหาสิทธิบัตร” ให้แล้ว
         
แค่รอเวลาที่เหมาะ ที่ควร
         
ที่เหลือก็รอให้ “หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการผลิต การอนุมัติการใช้ยา” เดินหน้าต่อ เพราะทางใกล้สะดวกแล้ว
         
ตอนนี้ ประเทศไทยต้องรวมพลัง เพื่อไปสู่เป้าหมายเดียวกัน คือ “สู้โควิด-19
         
เราต้องชนะ!!!
 
ซีเอ็นเอ

ติดตามข่าวสารแบบฉับไว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
ติดตามข่าวสารผ่าน Twitter
กดคลิก Follow ด้านล่าง

ข่าวล่าสุด

ดูทั้งหมด