​แนะโชวห่วยปรับตัวสู่ Next Normal

img

ปัจจุบัน ประเทศไทยมีผู้ประกอบการธุรกิจค้าส่งค้าปลีก หรือโชวห่วยขนาดกลาง จำนวน 6,217 ร้านค้า และโชวห่วยขนาดเล็กประมาณ 400,000 ร้านค้าทั่วประเทศ
         
โชวห่วยเหล่านี้ ถือเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระดับฐานรากของประเทศ
         
ทั้งเป็นร้านขายสินค้าที่ตั้งอยู่ในตรอก ซอก ซอย ระดับหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ จังหวัด และเป็นร้านที่มีความใกล้ชิดกับผู้บริโภค สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้
         
ยิ่งปัจจุบัน ภาครัฐให้การส่งเสริมและสร้างความเข้มแข็งให้กับร้านโชวห่วย ก็ยิ่งทำให้โชวห่วยมีความเข้มแข็งและพัฒนามากขึ้น
         
แต่โชวห่วย จะอยู่แบบเดิม อยู่อย่างเดิมไม่ได้ ต้องมีการปรับตัว และพัฒนา เพื่อรองรับชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) และรองรับวิถีถัดไป (Next Normal)
         
ผลจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป ผู้บริโภคมีการดำเนินชีวิตวิถีใหม่ และกำลังดำเนินชีวิตวิถีถัดไป ที่เทคโนโลยีดิจิทัลจะกลายเป็นส่วนสำคัญในชีวิตและเข้ามามีบทบาทในทุกมิติมากขึ้น
         
ร้านโชวห่วยก็เช่นเดียวกัน หากประกอบธุรกิจแบบเดิมๆ อยู่อย่างเดิมๆ ก็จะไปไม่รอด
         
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในฐานะที่เป็นหน่วยงานดูแลและส่งเสริมร้านโชวห่วย มีข้อเสนอแนะที่น่าสนใจและสามารถนำไปปรับใช้ได้ทันที
         


สิ่งที่ต้องทำลำดับแรก คือ ปรับตัวเพื่อให้สอดรับกับพฤติกรรมใหม่ของผู้บริโภค เช่น ปรับวิธีการบริหารจัดการร้านค้าให้เป็นระบบ ระเบียบมากขึ้น ต้องให้ความใส่ใจเรื่องสุขอนามัยที่ดี ร้านค้า สินค้า ต้องสะอาดปราศจากเชื้อโรค และต้องหมั่นทำความสะอาดร้านค้าให้บ่อยมากขึ้น
         
ยิ่งในช่วงโควิด-19 ยิ่งต้องใส่ใจมากขึ้น
         
นอกจากนี้ ต้องใช้ระยะห่างทางสังคมเข้ามาช่วยในการบริหารลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการภายในร้านค้า สินค้าในร้านต้องหาง่าย เนื่องจากลูกค้าจะใช้เวลาอยู่ภายในร้านไม่นาน

ที่สำคัญ ต้องเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าผ่านออนไลน์ควบคู่กับการขายสินค้าหน้าร้าน (Omni-Channel) ทำให้สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้เพิ่มขึ้น ทั้งลูกค้ารายเดิมและลูกค้ารายใหม่
         
ทั้งนี้ โชวห่วยไม่จำเป็นต้องสร้างเว็บไซต์เป็นของตนเอง แต่ใช้สื่อสังคมออนไลน์ที่ใช้กันอยู่เป็นประจำ เช่น แอปพลิเคชันไลน์ หรือแมสเซนเจอร์ เป็นช่องทางการตลาดให้กับผู้บริโภคในการสั่งซื้อสินค้า

เพราะผู้คนในชุมชนส่วนใหญ่จะมีการใช้สื่อสังคมออนไลน์ดังกล่าวกันอยู่ก่อนแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องเรียนรู้การใช้สื่อสังคมออนไลน์เพิ่มเติม แต่เป็นการอำนวยความสะดวกแก่ผู้ซื้อ และผู้ขายก็จะมียอดขายเพิ่มขึ้น โดยมีการจัดส่งสินค้าให้ลูกค้าแบบเดลิเวอรี่ เช่น จักรยานยนต์ หรือจักรยาน เป็นต้น
         
ไม่เพียงแค่นั้น ร้านโชวห่วยต้องมีการนำระบบเทคโนโลยีมาใช้ในการบริหารจัดการร้านค้า เช่น ระบบการขายหน้าร้าน (Point of Sale : POS) ซึ่งจะช่วยลดต้นทุน เพิ่มกำไรให้แก่ธุรกิจ โดยถือเป็นสิ่งที่ไม่มีไม่ได้ในยุคปัจจุบัน



จะเห็นได้ว่า ร้านโชวห่วยมีความสำคัญ เพราะเป็นร้านค้าที่ช่วยอำนวยความสะดวกประชาชน ให้สามารถซื้อหาสินค้าอุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวันได้อย่างง่ายดาย และยังเป็นแหล่งกระจายสินค้าท้องถิ่นและสินค้าชุมชนของประเทศ
         
แต่ร้านโชวห่วยในยุคปัจจุบัน ต้องเผชิญกับความท้าทายจำนวนมาก ทั้งพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป และการแข่งขันในอุตสาหกรรมค้าปลีกที่ค่อนข้างรุนแรงจากการเข้ามาของร้านค้าปลีกสมัยใหม่และร้านค้าปลีกออนไลน์
         
หากไม่ปรับตัว ทั้งด้านการปรับภาพลักษณ์ร้านค้า การตลาด การบริหารคลังสินค้า รวมถึงการนำเทคโนโลยีมาใช้ภายในร้านค้าอย่างเหมาะสมตามที่กล่าวมาแล้ว ก็จะเสียโอกาส และพลาดโอกาสในการเติบโตได้
         
ร้านโชวห่วย ที่ยังมีข้อสงสัย หรือต้องการคำแนะนำ สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่กองส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ หมายเลขโทรศัพท์ 0 2547 5986 สายด่วน 1570 และค้นหารายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ www.dbd.go.th

กรมนี้ เขาพร้อมที่จะให้บริการ
 
ซีเอ็นเอ

ติดตามข่าวสารแบบฉับไว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
ติดตามข่าวสารผ่าน Twitter
กดคลิก Follow ด้านล่าง

ข่าวล่าสุด

ดูทั้งหมด