ปัจจุบันมีกลุ่มผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับการบริโภคอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และลดการบริโภคเนื้อสัตว์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะต้องการช่วยลดโลกร้อน ลดการทำลายสิ่งแวดล้อม ส่งผลให้อาหารจากพืช (Plant Based) ที่ให้โปรตีนทดแทนเนื้อสัตว์ มีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะกลุ่มผัก ผลไม้ เมล็ดธัญพืช พืชตระกูลถั่ว และถั่ว ซึ่งเทรนด์ที่ว่านี้ ไม่ได้เติบโตแบบเล่น ๆ แต่ยังเป็นเทรนด์สำคัญที่ขยายวงกว้างไปยังทั่วโลกด้วย

หากพูดถึงผู้ประกอบการในไทย ที่มีการผลิตสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการบริโภคอาหารจากพืช ยังมีจำนวนไม่มาก แต่ก็เริ่มมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น โดยมีรายหนึ่งที่อยากจะแนะนำ คือ ผู้ผลิต “ขนุนในน้ำเกลือ” จากห้างหุ้นส่วนจำกัด ไลฟ์ รีพับลิก จาก จ.ระยอง ซึ่งเป็นผู้ประกอบการที่ผลิตสินค้าที่ตอบโจทย์การบริโภคโปรตีนจากพืช และยังเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการที่ได้รับการคัดเลือกให้เข้าร่วมโครงการ Local BCG Plus ของกระทรวงพาณิชย์

สำหรับที่มาที่ไปของการผลิตสินค้าดังกล่าว นายสถิธร แจ้งกระจ่าง หุ้นส่วนผู้จัดการ ห้างหุ้นส่วนจำกัด ไลฟ์ รีพับลิก เล่าให้ฟังว่า ขนุนบดในน้ำเกลือ แบรนด์ PAPPA JACK ใช้ขนุนในสวนมาทำ เนื่องจากขนุนราคาค่อนข้างต่ำ ก็เลยเปลี่ยนมาเป็นแปรรูปเข้าตลาด Plant Based ซึ่งเป็นตลาดที่กำลังเติบโตในอนาคต ใช้ขนุนดิบมาทำ อย่างในไทย ลูกค้าซื้อไปทำต้ม ผัด แกง ทอด ได้หมดเลย อย่างซุปบักมี่ที่เขาทำกัน หรือจะเอาไปทำเป็นแกงก็ได้ แต่ถ้าเป็นต่างประเทศ เขาเอาไปทำพวกไส้บาร์บีคิว หรือไส้แซนด์วิช แฮมเบอร์เกอร์



“ถ้านับเป็นสัดส่วนคนไทยทานขนุนประมาน 30% ส่วนในต่างชาติประมาน 70% เราเน้นการส่งออกเป็นหลัก ของเราส่งไปอเมริกา ยุโรป ออสเตรเลีย ทำมาได้ 3 ปี ด้วยความที่ราคามันสวิง และเป็นอะไรที่แปลกใหม่ และด้วยตลาด Plant Based ที่เราตั้งใจจะทำอยู่แล้ว ผมว่ามันกำลังเป็นเทรนด์ที่กำลังเติบโต ตลาดนี้ ก็ประมาน 2 หมื่นล้าน ที่ผมไปหาข้อมูล อย่างในไทยยังไม่ค่อยเห็นใครลงไปเล่นตลาดนี้เท่าไร ก็เลยคิดว่าเป็นโอกาสที่ดี”

ทั้งนี้ ขนุนที่เราใช้ เป็นขนุนไทยพันธุ์ทองประเสริฐกับพันธุ์มาเลย์ ผลผลิตตอนนี้ประมาน 80 ตัน รวมกับเกษตรกรในพื้นที่ระยองอีก 10 เจ้า ซึ่งขนุนอ่อนตัวนี้ จะมีประโยชน์ในเรื่องของเบาหวาน คนที่เป็นเบาหวานสามารถทานได้ เพราะว่ามันลดปริมานน้ำตาล เราทานตัวนี้จะช่วยให้เราอิ่มนาน และเหมือนกับว่ามีไฟเบอร์ด้วย ช่วยในเรื่องของระบบขับถ่าย โดยจุดเด่นของสินค้า คือ ไม่ใช้สารเคมีในกระบวนการผลิต และมีนวัตกรรมในการผลิต คือ ใช้วิธีการเพิ่มความร้อน เรียกว่ากระบวนการสเตอริไลซ์ เพิ่มอุณภูมิให้มันสูงขึ้น แล้วเราก็ไปหาวิธีการฆ่าเชื้อที่มันถูกต้องและได้มาตรฐาน แทนที่เราจะปรับกรด และมีกำลังการผลิตต่อเดือนประมาณ 100,000 กระป๋อง

ส่วนแผนการทำตลาด ช่องทางการขายตอนนี้ จะมีที่ซูเปอร์มาร์เกต วิลล่ามาร์เก็ต ที่เชียงใหม่ คือ ริมปิงซุปเปอร์มาร์เก็ต และพยายามเน้นส่งออก ให้ได้ประมาน 10,000 กระป๋องต่อเดือน โดยแผนในอนาคต จะพัฒนาสินค้าให้เป็นแบบ Ready to eat คือ เอาขนุนมาทำแบบพร้อมรับประทาน ตอบโจทย์ให้กับทุกเพศทุกวัย สามารถเข้าถึงได้ง่าย น่าจะภายในปีหน้า และอยากให้กระทรวงพาณิชย์ช่วยเหลือด้านการตลาด เช่น การออกบูธต่าง ๆ และเรื่องการทำตลาดส่งออก