
กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเดินหน้าแก้คำนิยาม “คนต่างด้าว” ในกฎหมายคนต่างด้าวพ.ศ.2542 หวังแก้ปัญหาต่างชาติใช้คนไทยเป็นนอมินี หรือถือหุ้นน้อย แต่มีอำนาจมากกว่า พร้อมแก้บทลงโทษให้น้อยลง เหตโทษเบา แต่กฎหมายให้ลงโทษหนักเกินไป คาดเสร็จไม่เกินเดือนเม.ย.-พ.ค.นี้ ก่อนชง “รมว.พาณิชย์-ครม.” เห็นชอบ และเข้า “สนช.” ต่อไป จับตาแก้ไขสำเร็จหรือไม่ หลังถูกล็อบบี้ไม่ให้แก้ไขมาโดยตลอด
นางกุลณี อิศดิศัย อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า ขณะนี้ กรมฯ อยู่ระหว่างการศึกษา เพื่อปรับปรุงแก้ไขพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวพ.ศ.2542 เพื่อให้ทันสมัย สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน และเพื่อสร้างความสมดุลระหว่างการทำธุรกิจของนักลงทุนต่างด้าว และการปกป้องคุ้มครองธุรกิจของคนไทย โดยคาดว่า จะปรับปรุงแก้ไขแล้วเสร็จภายในเดือนเม.ย.-พ.ค. จากนั้นจะเสนอให้รมว.พาณิชย์พิจารณา หากเห็นชอบจะเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา ก่อนเสนอสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และเข้าสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ต่อไป
สำหรับประเด็นที่จะทำการปรับปรุงแก้ไข เช่น คำนิยามของ “คนต่างด้าว” ที่จะต้องแก้ไขให้ชัดเจน ไม่ทำให้คนไทยเสียเปรียบ และแก้ไขปัญหากรณีที่คนต่างด้าวใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง (นอมินี) เพื่อหลบเลี่ยงการทำธุรกิจที่ต้องขออนุญาตโดยไม่ขออนุญาต ขณะเดียวกัน ยังต้องเอื้อต่อการลงทุนของคนต่างด้าว ตามนโยบายของรัฐบาล และความสัมพันธ์อันดีกับประเทศต่างๆ
ส่วนการแก้ไขนิยามของคนต่างด้าวที่จะพิจารณารวมไปถึงการมีอำนาจครอบงำกิจการของคนต่างด้าว หรือการมีสิทธิในการออกเสียงข้างมากหรือไม่ ทั้งๆ ที่ถือหุ้นน้อยกว่าคนไทยนั้น กรมฯ อยู่ระหว่างการพิจารณา โดยต้องศึกษาเปรียบเทียบกับกฎหมายของประเทศอื่นๆ เช่น ญี่ปุ่น สหรัฐฯ อาเซียน รวมถึงกฎหมายแม่บทของสหประชาชาติ (Uncitral) ด้วย ซึ่งกฎหมายของหลายประเทศ จะอนุญาตให้ต่างด้าวทำธุรกิจที่ไม่กระทบต่อความมั่นคงของชาติ
นอกจากนี้ ยังจะปรับปรุงแก้ไขบทลงโทษ ที่อาจปรับลดบทลงโทษลง เพราะกฎหมายปัจจุบัน บางความผิดเป็นความผิดเพียงเล็กน้อย แต่กฎหมายกลับกำหนดบทลงโทษรุนแรงถึงขึ้นพัก หรือเพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการในไทย รวมทั้งจะพิจารณาถอดธุรกิจบริการบางสาขาออกจากบัญชีแนบท้าย 3 (ธุรกิจที่ไทยยังไม่พร้อมแข่งขันกับคนต่างด้าว) ของพ.ร.บ.ฉบับนี้ ซึ่งเป็นการทบทวนเป็นประจำทุกปีอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กฎหมายปัจจุบัน กำหนดคำนิยามของคนต่างด้าวไว้เพียงแค่หมายถึงบุคคลธรรมดาซึ่งไม่มีสัญชาติไทย หรือนิติบุคคลซึ่งไม่ได้จดทะเบียนในไทย หรือนิติบุคคลซึ่งจดทะเบียนในไทย และลงทุนมีมูลค่าตั้งแต่กึ่งหนึ่งของทุนทั้งหมดในนิติบุคคลนั้น หรือต่างด้าวถือหุ้นได้ไม่เกิน 49% และคนไทยไม่น้อยกว่า 51% แต่ไม่ได้กำหนดอำนาจครอบงำกิจการ และสิทธิในการออกเสียง ทำให้บริษัทส่วนใหญ่ ที่มีต่างด้าวถือหุ้นข้างน้อย กลับมีอำนาจครอบงำกิจการ และมีสิทธิออกเสียงมากกว่าคนไทย จึงต้องแก้ไขนิยม เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ได้มีความพยายามแก้ไขนิยมคนต่างด้าวมาอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่ผ่านการพิจารณาของครม.แต่ละชุด เพราะเกรงว่าจะเป็นการปิดกั้นการลงทุนจากต่างประเทศ และยังมีบริษัทต่างชาติขนาดใหญ่ในไทย พยายามเจรจากับรัฐบาล เพื่อไม่ให้แก้ไขกฎหมายฉบับนี้มาอย่างต่อเนื่อง
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
กดคลิก Follow ด้านล่าง