​สมาชิกแม่โขง-ล้านช้าง เดินหน้าร่วมมือการค้าดิจิทัล โลจิสติกส์ เศรษฐกิจสีเขียว

img

ไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะทำงานสาขาเศรษฐกิจข้ามพรมแดน (JWG-CBEC) ครั้งที่ 5 ภายใต้กรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง (MLC) เห็นพ้องผลักดันความร่วมมือด้านการค้าดิจิทัล พัฒนาระบบโลจิสติกส์ การเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐาน การใช้ประโยชน์จาก FTA และเศรษฐกิจสีเขียว พร้อมติดตามแผนพัฒนา 5 ปี ที่จะช่วยหนุนการค้าไร้รอยต่อ สบช่องขอจีนเพิ่มรายการสินค้าที่ให้สิทธิพิเศษภายใต้ CBEC เน้นสินค้าเกษตร
         
น.ส.โชติมา เอี่ยมสวัสดิกุล อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ ไทยได้เป็นเจ้าภาพการประชุมคณะทำงานสาขาเศรษฐกิจข้ามพรมแดน (JWG-CBEC) ครั้งที่ 5 ภายใต้กรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง (MLC) ที่กรุงเทพฯ ซึ่งตนได้เป็นประธานร่วมกับนายหวัง ลี่ ผิง อธิบดีกรมเอเชีย กระทรวงพาณิชย์จีน โดยมีผู้แทนจากประเทศสมาชิก MLC 6 ประเทศเข้าร่วม ได้แก่ ไทย จีน สปป.ลาว เวียดนาม เมียนมา และกัมพูชา ซึ่งทุกฝ่ายเห็นพ้องถึงความมุ่งมั่นในการกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจเพื่อการเติบโตที่ยั่งยืนและสมดุลในอนุภูมิภาคแม่โขง–ล้านช้าง โดยเฉพาะด้านการค้าดิจิทัล การพัฒนาระบบโลจิสติกส์ การเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐาน การใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี (FTA) และการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสีเขียว
         
ทั้งนี้ ที่ประชุมยังได้ติดตามความคืบหน้าแผนพัฒนาระยะ 5 ปี ของสาขาความร่วมมือเศรษฐกิจข้ามพรมแดนที่สมาชิกเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2566 โดยประเทศสมาชิก MLC ส่วนใหญ่เห็นพ้องร่วมกันในการพัฒนาระบบการเชื่อมโยงต่าง ๆ ทั้งด้านการขนส่ง ด้านโครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐาน และด้านพิธีการทางศุลกากร เพื่อให้เกิดการค้าไร้รอยต่อในภูมิภาคอย่างเป็นรูปธรรม รวมถึงความสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลและการพัฒนาสีเขียว ซึ่งถือเป็นประเด็นสำคัญในการพัฒนากระบวนการผลิตสินค้า การค้าบริการ และการลงทุนที่ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมขั้นสูง
         
ขณะเดียวกัน ได้ยังชื่นชมความสำเร็จของการใช้ประโยชน์จากกองทุนพิเศษแม่โขง–ล้านช้าง ที่จีนให้การสนับสนุนประเทศสมาชิก MLC มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งโครงการที่ประเทศสมาชิก MLC ดำเนินการภายใต้กองทุนดังกล่าว มีส่วนสำคัญในสนับสนุนการยกระดับศักยภาพของประเทศสมาชิก สร้างโอกาสการเข้าถึงทรัพยากร เทคโนโลยี และองค์ความรู้ใหม่ ๆ ที่เชื่อมโยงห่วงโซ่คุณค่า รวมถึงการพัฒนาที่ยั่งยืนทั้งเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม อาทิ การเสริมศักยภาพให้กับสตาร์ตอัป การพัฒนาบรรจุภัณฑ์พลาสติกหมุนเวียนในห่วงโซ่อุปทาน ตลอดจนการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมเพื่อเชื่อมโยงการขนส่งข้ามพรมแดน



สำหรับไทยได้ใช้ประโยชน์จากกองทุนดังกล่าว ในการต่อยอดโครงการเชิงยุทธศาสตร์ อาทิ การส่งเสริมเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษในภูมิภาคแม่โขง-ล้านช้าง เพื่อเชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจและขยายโอกาสทางการค้า การจัดกิจกรรมจับคู่ธุรกิจ โดยเฉพาะ Lancang–Mekong Business Forum เพื่อส่งเสริมการลงทุนในธุรกิจการเกษตรและอุตสาหกรรมอาหารแปรรูปให้เกิดความยั่งยืนในภูมิภาคยิ่งขึ้น
         
“ไทยยังได้ใช้โอกาสนี้ ผลักดันให้จีนขยายรายการสินค้าที่จีนให้สิทธิพิเศษภายใต้แพลตฟอร์มการค้าข้ามพรมแดน (CBEC) โดยเฉพาะสินค้าเกษตร อาทิ ลิ้นจี่ ลำไย เงาะ มะละกอ มะขาม และลองกอง ซึ่งไทยเห็นว่าแพลตฟอร์มดังกล่าวนอกจากจะช่วยกลุ่ม SME หรือเกษตรกร ให้ได้รับการยกเว้นหรือลดอากรนำเข้าแล้ว แต่ยังช่วยบริหารจัดการสินค้าได้อย่างคล่องตัว เนื่องจากสามารถผลิตสินค้าตามคำสั่งซื้อจากผู้บริโภคได้โดยตรง และได้เน้นย้ำถึงความสำคัญในการให้ประเทศสมาชิก MLC เร่งใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี 2 ฉบับ ได้แก่ ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน (ACFTA) และความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) เนื่องจากเป็นเครื่องมือสำคัญในการขยายมูลค่าการค้าระหว่างกัน และยังช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งด้านห่วงโซ่อุปทานในภูมิภาคท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ผันผวนในปัจจุบัน”น.ส.โชติมากล่าว
         
ในปี 2567 การค้าระหว่างไทยกับประเทศสมาชิกแม่โขง-ล้านช้าง มีมูลค่า 162,671.19 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไทยส่งออกไปประเทศสมาชิกแม่โขง-ล้านช้าง มูลค่า 65,420.71 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และไทยนำเข้าจากประเทศสมาชิกแม่โขง-ล้านช้าง มูลค่า 97,300.48 ดอลลาร์สหรัฐ และในช่วง 7 เดือนของปี 2568 (ม.ค.-ก.ค.) การค้าระหว่างไทยกับประเทศสมาชิกแม่โขง-ล้านช้าง มีมูลค่า 113,560.43 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 23.45% โดยไทยส่งออกไปประเทศสมาชิกแม่โขง-ล้านช้าง มูลค่า 43,369.99 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 15.07% และไทยนำเข้าจากประเทศสมาชิกแม่โขง-ล้านช้าง มีมูลค่า 70,190.44 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 29.27%

ติดตามข่าวสารแบบฉับไว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
ติดตามข่าวสารผ่าน Twitter
กดคลิก Follow ด้านล่าง