กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเผยธุรกิจท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์ มีแนวโน้มเติบโต หลังนักเดินทางยุคใหม่ให้ความสำคัญกับการสัมผัสประสบการณ์จริง ท่องเที่ยวเชิงอาหาร เรียนรู้วัฒนธรรม ท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ ไปเมืองรอง แนะผู้ประกอบการปรับตัว คุมคุณภาพ มาตรฐาน และใช้การตลาดออนไลน์สร้างการรับรู้ ดึงคนมาเที่ยว
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมได้วิเคราะห์ธุรกิจท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์ (Experiential Tourism) พบว่า ธุรกิจนี้ถือเป็นเทรนด์การท่องเที่ยวสำคัญของนักเดินทางยุคใหม่ ที่ให้ความสำคัญกับการสัมผัสประสบการณ์จริง การเดินทางเพื่อพักผ่อน การท่องเที่ยวเชิงอาหาร การเรียนรู้วัฒนธรรมท้องถิ่น วิถีชีวิต ธรรมชาติ รวมถึงการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ ควบคู่กับกระแสการเที่ยวเมืองรอง ทริปสั้นแต่บ่อย และการเลือกที่พักรูปแบบใหม่ที่สะท้อนอัตลักษณ์พื้นที่ มากกว่าการท่องเที่ยวแบบเดิม ซึ่งล้วนเป็นโอกาสสำคัญของผู้ประกอบการไทยในการพัฒนาประสบการณ์เฉพาะตัวที่แตกต่างและยั่งยืน
“ผู้ประกอบการในธุรกิจท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์ จำเป็นต้องเร่งปรับตัวให้สอดคล้องกับพฤติกรรมนักท่องเที่ยวที่เปลี่ยนแปลง พัฒนาคุณภาพบริการและมาตรฐานธุรกิจ ควบคู่กับการใช้การตลาดออนไลน์ คอนเทนต์ และแพลตฟอร์มดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเน้นสร้างความร่วมมือกับชุมชนเพื่อยกระดับการท่องเที่ยวไทยให้เติบโตอย่างเข้มแข็ง สามารถแข่งขันได้ในเวทีโลก และคว้าโอกาสสำคัญที่ธุรกิจนี้ยังมีช่องว่างอีกมากให้ธุรกิจหน้าใหม่เข้ามาแข่งขัน”นายพูนพงษ์กล่าว

ปัจจุบัน ประเทศไทยมีนิติบุคคลที่ดำเนินธุรกิจท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์รวม 13,691 ราย มูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 55,447 ล้านบาท โดยธุรกิจหลักประกอบด้วย กลุ่มธุรกิจจัดนำเที่ยว กลุ่มตัวแทนธุรกิจการเดินทาง และกลุ่มที่พักแรมระยะสั้น ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีจำนวนผู้ประกอบการและเงินทุนหมุนเวียนสูงที่สุด สะท้อนบทบาทของภาคธุรกิจท่องเที่ยวต่อระบบเศรษฐกิจไทย และการเชื่อมโยงไปยังธุรกิจอื่น ๆ อาทิ ที่พัก ร้านอาหาร การขนส่ง และสินค้าชุมชน
ทั้งนี้ จากการวิเคราะห์ข้อมูลการจัดตั้งธุรกิจท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์ช่วงหลังสถานการณ์โควิด (ปี 2565-2566) พบว่า มีจำนวนธุรกิจตั้งใหม่และเงินลงทุนเพิ่มขึ้นมากขึ้น และช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (ปี 2563-2567) มีอัตราการเติบโตของธุรกิจเฉลี่ยอยู่ที่ 1,040 รายต่อปี ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในกลุ่มธุรกิจขนาดเล็ก จึงทำให้ไม่ได้เติบโตแบบก้าวกระโดดขณะที่ปี 2567 เริ่มเข้าสู่ช่วงปรับฐาน
ส่วนช่วง 11 เดือนของปี 2568 (ม.ค.-พ.ย.) มีการจดทะเบียนนิติบุคคลตั้งใหม่ 1,193 ราย ลดลง 17% จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 ที่มีจำนวน 1,434 ราย และมีมูลค่าทุนจดทะเบียน 2,104 ล้านบาท ลดลง 19% จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 ที่มี 2,593 ล้านบาท และเมื่อวิเคราะห์ถึงการเติบโตของธุรกิจ พบว่า แม้จำนวนนิติบุคคลที่จัดตั้งใหม่จะลดลง แต่สัดส่วนเงินลงทุนต่อรายยังอยู่ในระดับสูง สะท้อนถึงทุนจดทะเบียนของธุรกิจรายเล็กที่ยังมีทิศทางเพิ่มขึ้น รวมถึงธุรกิจที่มีศักยภาพกำลังเข้ามาสู่ตลาดมากขึ้น
ด้านผลประกอบการ 3 ปีย้อนหลัง (ปี 2565-2567) พบแนวโน้มเชิงบวกทั้งในส่วนของรายได้และกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ตอกย้ำว่า ธุรกิจการท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์ยังสามารถเติบโตต่อไปได้ แต่ธุรกิจยังเผชิญความท้าทายด้านต่าง ๆ เช่น ต้นทุนทางธุรกิจที่สูงขึ้น พฤติกรรมนักท่องเที่ยวที่เปลี่ยนอย่างรวดเร็ว และการแข่งขันด้านคอนเทนต์ออนไลน์ทำให้ผู้ประกอบการรายย่อยบางส่วนต้องเร่งปรับตัว

ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
กดคลิก Follow ด้านล่าง

