​“ศุภจี”ชี้ 4 เมกะเทรนด์ เปลี่ยนกติกาการค้าโลก แนะไทยมองให้ขาด เพิ่มโอกาสทำเงินได้

img

“ศุภจี”ชี้กระแสใหญ่ระดับโลก 4 ประการ กำลังเปลี่ยนกติกาการค้าโลก ทั้งการพึ่งพาตนเอง การลดปล่อยคาร์บอน การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล และการเข้าสู่สังคมสูงวัย เผยแม้จะสร้างแรงกดดันต่อการค้า แต่หากมองเห็นจังหวะและวางตัวให้เหมาะสม ก็จะคว้าโอกาสใหม่ ๆ ได้ ชูไทยเป็นประเทศที่เป็นกลาง หลายประเทศอยากคบค้า อยากเป็นพันธมิตรด้วย  

นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยในการบรรยายพิเศษในงาน Go Thailand 2026 : Beyond Survival เพื่อเป็นพื้นที่นำเสนอวิสัยทัศน์และยุทธศาสตร์ของประเทศต่อสาธารณชน ภายใต้หัวข้อ “Trade amid Geopolitics พลิกเกมการค้าไทย ฝ่าภูมิรัฐศาสตร์โลก” ที่พารากอน ฮอลล์ สยามพารากอน เมื่อช่วงค่ำวันที่ 2 ธ.ค.2568 ที่ผ่านมา ว่า การค้าการขายยุคปัจจุบัน ไม่อาจพึ่งพาเฉพาะตลาดในประเทศได้อีกต่อไป ประเทศไทยจำเป็นต้องขยายการค้าต่างประเทศ โดยคำนึงถึงบริบทโลกใหม่ที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และต้องเตรียมมาตรการให้เหมาะสม และคว้าโอกาสจากกระแสใหญ่ระดับโลกที่กำลังเกิดขึ้น

โดยปัจจุบันไทยกำลังเผชิญกระแสใหญ่ระดับโลก 4 ประการ หรือที่เรียกว่า 4D Megatrends ได้แก่ 1.De-globalization การทวนกระแสโลกาภิวัตน์ จากเหตุการณ์โควิด-19 และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ทำให้หลายประเทศกลับมาทบทวนการพึ่งพาห่วงโซ่อุปทานโลก และหันไปพึ่งพาตนเองมากขึ้น เกิดการแบ่งขั้วอำนาจ และการปรับทิศทางการผลิตและการลงทุน
         
2.Decarbonization การลดการปล่อยคาร์บอน นโยบายยุโรปและประเทศคู่ค้าหลายแห่ง กำหนดให้สินค้าที่นำเข้า ต้องพิสูจน์ได้ว่ากระบวนการผลิต การปลูก และการขนส่งไม่สร้างภาวะโลกร้อน เกษตรกรและผู้ประกอบการไทยจึงจำเป็นต้องปรับตัวให้สอดรับมาตรฐานสากล เพื่อรักษาความสามารถแข่งขัน
         


3.Digitalization การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลและ AI เทคโนโลยีดิจิทัลและ AI เปิดโอกาสใหม่ให้ผู้ประกอบการไทยเข้าถึงตลาดโลก แต่หากไม่สามารถใช้เทคโนโลยีทันเวลา ก็อาจสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน
         
4.Demographic Shift ประชากรผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น ประเทศไทยเข้าสู่สังคมสูงวัยเต็มรูปแบบ อัตราการเกิดต่ำกว่าการตาย ทำให้กำลังซื้อภายในประเทศลดลง จึงจำเป็นต้องผลักดันภาคการค้าให้พึ่งพาตลาดต่างประเทศมากขึ้น
“แม้ 4 กระแสโลก จะสร้างแรงกดดันต่อระบบการค้า แต่ก็เปิดช่องโอกาสใหม่ หากไทยสามารถมองเห็นจังหวะและวางตัวให้เหมาะสม”นางศุภจีกล่าว
         
นางศุภจีกล่าวว่า โลกวันนี้ไม่ได้มีเพียงสหรัฐฯ และจีน เป็นขั้วอำนาจหลักเท่านั้น แต่ยังมีกลุ่มประเทศเศรษฐกิจสำคัญอื่น ๆ เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อาเซียน ยุโรป และตะวันออกกลาง ซึ่งล้วนต้องการขยายความร่วมมือทางการค้ากับไทย โดยในการประชุม ASEAN Summit ที่ผ่านมา ประเทศคู่ค้าหลายประเทศเปิดเผยอย่างตรงไปตรงมาว่าต้องการเร่งทำ FTA กับไทย นี่คือข้อได้เปรียบของประเทศไทย เพราะเราไม่เป็นพิษเป็นภัย และได้รับการยอมรับว่าวางตัวเป็นกลางเหมาะสม ทำให้หลายประเทศต้องการเป็นพันธมิตรทางการค้ากับเรา
         
ในช่วง 8 เดือนของปี 2568 มีคำขอรับการส่งเสริมการลงทุน เพิ่มขึ้นกว่า 30% และมูลค่าการลงทุนเพิ่มกว่า 90% ถือเป็นระดับสูงเป็นประวัติการณ์ สะท้อนว่าไทยสามารถใช้ประโยชน์จากการปรับทิศทางของห่วงโซ่อุปทานโลกได้อย่างดี ถ้าเราวางตัวให้ถูกจังหวะ ไทยจะสามารถเข้าไปอยู่ในห่วงโซ่อุปสงค์ อุปทานใหม่ของโลกได้ โดยการวางตัวของไทยในห่วงโซ่การค้าโลก จากคู่ค้ามาเป็นพันธมิตร อาศัยหลักการ เป็นมิตร เปิดกว้าง และสร้างประโยชน์ร่วม
         


นางศุภจีกล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดส่งออกอันดับหนึ่งของไทย โดยสหรัฐฯ ใช้นโยบาย Reciprocal Tariffs หรือภาษีตอบโต้ ซึ่งไทยอยู่ระหว่างการเจรจาในส่วนของมาตรการที่ไม่ใช่ภาษี (Non-tariff issues) เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศ ผู้ประกอบการ และเกษตรกรไทย โดยหลายประเทศใช้มาตรการปกป้องทางการค้าเข้มข้นขึ้น ไทยเองก็จำเป็นต้องคุ้มครองผู้ประกอบการไทยเช่นกัน พร้อมทั้งต้องรักษาสมดุล ไม่ปล่อยให้ตลาดถูกกระทบจากสินค้านำเข้าอย่างไม่เป็นธรรม
         
ทั้งนี้ ในยุคที่หลายประเทศใช้ Friend-shoring ไทยต้องทำตัวให้เป็นประเทศที่น่าไว้วางใจ เพื่อเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อุปทานสินค้าเทคโนโลยี สินค้าดิจิทัล AI ยานยนต์สมัยใหม่ เซมิคอนดักเตอร์ พลังงานสะอาด และไบโอเทคโนโลยี ไทยยังมีศักยภาพที่จะก้าวสู่การเป็น Food Security Provider และ Food Security Hub ของโลก จากความหลากหลายทางชีวภาพและทรัพยากรทางอาหาร พร้อมต่อยอดด้วยนวัตกรรมเพื่อเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์เข้าสู่ Value-based Economy
         
โดยกระทรวงพาณิชย์ได้กำหนดยุทธศาสตร์ภายใต้ระเบียบโลกใหม่ดังนี้ 1.Balance สร้างสมดุลท่ามกลางการแข่งขันของหลายขั้วอำนาจ 2.Inclusive เปิดโอกาสให้ SME สตาร์ตอัป และเกษตรกร เข้าสู่ห่วงโซ่อุปทานโลก 3.Diversify  ขยายตลาดใหม่ ลดการพึ่งพาตลาดใดตลาดหนึ่ง และส่งเสริมอุตสาหกรรมอนาคต

 

ติดตามข่าวสารแบบฉับไว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
ติดตามข่าวสารผ่าน Twitter
กดคลิก Follow ด้านล่าง