
“ฉันทวิชญ์”ผลักดันธุรกิจไทย ยกระดับด้านธรรมาภิบาล คำนึงสังคม สิ่งแวดล้อม ใช้นวัตกรรมเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต รองรับกฎ กติกาการค้าโลกยุคใหม่ เพื่อสร้างจุดแข็ง จุดขาย พร้อมมอบโล่รางวัลและหนังสือรับรองเชิญชู 27 ธุรกิจรายใหม่ ที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานธรรมาภิบาลธุรกิจ ประจำปี 68
นายฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในพิธีมอบโล่รางวัลและหนังสือรับรองมาตรฐานธรรมาภิบาลธุรกิจ เพื่อเชิดชูเกียรติธุรกิจที่ผ่านเกณฑ์การรับรองมาตรฐานธรรมาภิบาลธุรกิจ ประจำปี 2568 ว่า กระทรวงพาณิชย์ได้มอบหมายให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ส่งเสริมพัฒนาธุรกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดยหล่อหลอมให้ธุรกิจมีมาตรฐานด้านธรรมาภิบาล ไม่มุ่งแสวงหาผลกำไรเพียงอย่างเดียว ต้องคำนึงถึงสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม และใช้นวัตกรรมเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการผลิต ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างจุดแข็งและมีข้อแตกต่างที่ได้เปรียบในการแข่งขัน
ทั้งนี้ ในปัจจุบัน โลกได้กำหนดกฎเกณฑ์ กติกาการค้าใหม่ ๆ ทั้งมิติด้านสิ่งแวดล้อม แรงงาน การเปิดเผยแหล่งที่มาของวัตถุดิบและกระบวนการผลิตอย่างละเอียด และหากต้องการมุ่งเจาะตลาดที่มีมาตรฐานสูง เช่น สหภาพยุโรป ธุรกิจไทย ต้องนำหลักธรรมาภิบาลมาปรับใช้ เพื่อช่วยสร้างแต้มต่อในการแข่งขัน สร้างภูมิคุ้มกันต่อความท้าทาย และนำไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
สำหรับการผลักดันธุรกิจ SME เข้าสู่เกณฑ์มาตรฐานธรรมาภิบาลธุรกิจ เป็นกิจกรรมที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2560 จนถึงปัจจุบัน โดยมีธุรกิจที่ผ่านเกณฑ์แล้วทั้งสิ้นจำนวน 270 ราย และในปี 2568 นี้ มีธุรกิจสนใจสมัครเข้าร่วมกิจกรรมจากทุกภูมิภาคทั่วประเทศรวม 117 ราย มาจากภาคการผลิต การบริการ การเกษตร และการค้าส่ง-ค้าปลีก และสามารถผ่านการพิจารณาคัดเลือกจากคณะกรรมการกำกับมาตรฐานธรรมาภิบาล ซึ่งมีผู้แทนจากภาครัฐ ภาคเอกชน รวมทั้งผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความเชี่ยวชาญด้านการส่งเสริมธุรกิจให้มีธรรมาภิบาล เป็นกรรมการทำหน้าที่กำหนดเกณฑ์การตรวจประเมิน 6 หลัก ประกอบด้วย 1.หลักนิติธรรม 2.หลักคุณธรรม 3.หลักความโปร่งใส 4.หลักการมีส่วนร่วม 5.ลักความรับผิดชอบ และ 6.หลักความคุ้มค่า
นอกจากนี้ ยังมีขั้นตอนการกลั่นกรองอีกหลายลำดับชั้น ทั้งด้านงานตรวจสอบเอกสาร การสัมภาษณ์ผู้บริหารและพนักงานของบริษัท การลงพื้นที่ตรวจประเมิน ณ สถานประกอบการ การตรวจสอบจากหน่วยงานภายนอกที่เกี่ยวข้อง เช่น ศาลฎีกา คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ กรมโรงงานอุตสาหกรรม กรมควบคุมมลพิษ กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน และสำนักงานประกันสังคม จนได้ธุรกิจน้ำดีที่ผ่านเกณฑ์การรับรองมาตรฐานธรรมาภิบาลธุรกิจทั้งสิ้นจำนวน 112 ราย แบ่งเป็นธุรกิจรายใหม่ 27 ราย และธุรกิจที่ครบระยะเวลาต่ออายุหนังสือรับรองมาตรฐานธรรมาภิบาลธุรกิจอีก 85 ราย
“ธุรกิจที่ผ่านเกณฑ์การประเมินและได้รับโล่พร้อมหนังสือรับรองมาตรฐานธรรมาภิบาลธุรกิจในครั้งนี้ หนังสือรับรองจะมีอายุนาน 3 ปี สามารถนำเครื่องหมายรับรองมาตรฐานธรรมาภิบาลธุรกิจไปใช้ร่วมกับเครื่องหมายการค้าของธุรกิจได้ทันที และในหนังสือรับรองนิติบุคคลของธุรกิจ ยังได้ใส่หมายเหตุข้อความรับรองมาตรฐานธรรมาภิบาลธุรกิจให้ด้วย เพื่อเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับคู่ค้าและนักลงทุน และยังจะช่วยเผยแพร่ประชาสัมพันธ์รายชื่อทุกธุรกิจที่ได้รับรางวัลให้เป็นที่รับรู้แก่สาธารณชนผ่านสื่อประชาสัมพันธ์ทุกช่องทางที่มี เพื่อเป็นการเชิดชูเกียรติและเผยแพร่ผลสัมฤทธิ์ของกิจกรรมสร้างธุรกิจ SME เข้าสู่เกณฑ์มาตรฐานธรรมาภิบาลธุรกิจที่ได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องจนเป็นที่ประจักษ์ เป็นต้นแบบที่ดีงาม สร้างพลังสำคัญในการช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยให้เติบโตอย่างเข้มแข็งและยั่งยืนต่อไป”นายฉันทวิชญ์กล่าว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
กดคลิก Follow ด้านล่าง