อาหารสด พลังงานลง ฉุดเงินเฟ้อ ส.ค.ลด 0.79% ลบ 5 เดือนติด ยันยังไม่ฝืด

img

เงินเฟ้อ ส.ค.68 ลด 0.79% ลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน มีสาเหตุหลักจากกลุ่มอาหารสด และพลังงานปรับลดลง รวมถึงค่าไฟฟ้า ยันไม่เข้าสู่ภาวะเงินฝืด ส่วนยอดรวม 8 เดือน เพิ่ม 0.08% คาด ก.ย.68 ยังลบต่อ พร้อมพิจารณาปรับเป้าทั้งปีใหม่  
         
นางณัฐิยา สุจินดา รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของไทย เดือน ส.ค.2568 เท่ากับ 100.14 เมื่อเทียบกับเดือน ส.ค.2567 ซึ่งเท่ากับ 100.94 ลดลง 0.79% เป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 นับจากเดือน เม.ย.2568 ที่ลดลง 0.22% พ.ค.2568 ลดลง 0.57% มิ.ย.2568 ลดลง 0.25% และ ก.ค.2568 ลดลง 0.70% โดยมีสาเหตุหลักมาจากการลดลงของราคาสินค้าในกลุ่มอาหารสด โดยเฉพาะผักสด ผลไม้สด และไข่ไก่ รวมถึงกลุ่มพลังงานจากการลดลงของน้ำมันเชื้อเพลิง ตามสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลก และค่ากระแสไฟฟ้าจากมาตรการช่วยลดค่าครองชีพของภาครัฐที่ดำเนินการต่อเนื่อง ส่วนราคาสินค้าและบริการอื่น ๆ ส่งผลกระทบต่อภาวะเงินเฟ้อไม่มากนัก และรวมเงินเฟ้อ 8 เดือนของปี 2568 (ม.ค.-ส.ค.) เพิ่มขึ้น 0.08%
         
ทั้งนี้ การที่เงินเฟ้อติดลบติดต่อกัน 5 เดือน ไม่เข้าสู่ภาวะเงินฝืด เพราะสาเหตุหลักมาจากกลุ่มอาหารสด และพลังงาน ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีสัดส่วนในการคำนวณเงินเฟ้อสูงลดลง และหากเทียบก่อนหน้านี้ ก็เคยมีเงินเฟ้อติดลบติดต่อกัน 6 เดือน ต.ค.2566-มี.ค.2567 แต่ไม่ได้เกิดภาวะเงินฝืด และช่วงโควิด-19 ปี 2563 ก็เคยติดลบ 13 เดือนติดต่อกัน ตั้งแต่ มี.ค.2563-มี.ค.2564 ก็ไม่ได้เกิดภาวะเงินฝืดเช่นเดียวกัน
         
สำหรับรายละเอียดเงินเฟ้อเดือน ส.ค.2568 ที่ลดลง 0.79% มาจากการลดลงของหมวดอื่น ๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม 1.22% จากการลดลงของราคาสินค้าสำคัญ โดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มพลังงาน (แก๊สโซฮอล์ น้ำมันดีเซล น้ำมันเบนซิน ค่ากระแสไฟฟ้า) ของใช้ส่วนบุคคล (ผลิตภัณฑ์ป้องกันและบำรุงผิว แชมพู แป้งผัดหน้า น้ำยาระงับกลิ่นกาย) สิ่งที่เกี่ยวกับการทำความสะอาด (ผลิตภัณฑ์ซักผ้า น้ำยารีดผ้า น้ำยาล้างจาน) ค่าโดยสารเครื่องบิน และเสื้อผ้า (เสื้อยืดบุรุษและสตรี เสื้อเชิ้ตบุรุษและสตรี กางเกงขายาวบุรุษ) ส่วนสินค้าสำคัญที่ราคาสูงขึ้น อาทิ ค่าเช่าบ้าน ค่าแต่งผมบุรุษและสตรี และอาหารสัตว์เลี้ยง
         


ส่วนหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ลดลง 0.08% จากการลดลงของกลุ่มผักสด (ต้นหอม มะนาว พริกสด มะเขือ แตงกวา ผักกาดขาว ผักชี) กลุ่มผลไม้สด (ทุเรียน ส้มเขียวหวาน เงาะ ฝรั่ง มะม่วง องุ่นและไข่ไก่) ส่วนสินค้าที่ราคาสูงขึ้น อาทิ อาหารสำเร็จรูป (ข้าวราดแกง กับข้าวสำเร็จรูป ก๋วยเตี๋ยว) กลุ่มเนื้อสัตว์ เป็ดไก่ และสัตว์น้ำ (ปลานิล ปลาทู) กลุ่มเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ (กาแฟผงสำเร็จรูป กาแฟ (ร้อน/เย็น) น้ำอัดลม) กลุ่มเครื่องประกอบอาหาร (กะทิสำเร็จรูป มะพร้าว (ผลแห้ง/ขูด) น้ำพริกแกง มะขามเปียก) และกลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำตาล (ขนมหวาน น้ำตาลมะพร้าว)
         
ทางด้านอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน ที่หักอาหารสดและพลังงานออก เพิ่มขึ้น 0.81% ชะลอลงจากเดือน ก.ค.2568 ที่เพิ่มขึ้น 0.84% รวม 8 เดือน เพิ่มขึ้น 0.94%
        
นางณัฐิยากล่าวว่า แนวโน้มเงินเฟ้อเดือน ก.ย.2568 คาดว่าจะยังคงลดลง โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากภาครัฐยังคงดำเนินมาตรการช่วยเหลือลดภาระค่าครองชีพอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการปรับลดค่า Ft งวดเดือน ก.ย.-ธ.ค.2568 มาอยู่ที่ 15.72 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้อัตราค่าไฟฟ้าลดลงเหลือ 3.94 บาทต่อหน่วย ราคาผักสดและผลไม้สดอยู่ระดับต่ำกว่าปีก่อนหน้าค่อนข้างมาก จากสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย ทำให้ปริมาณผลผลิตเข้าสู่ระบบมากขึ้น การจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดของผู้ประกอบการรายใหญ่ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจ และการแข่งขันที่สูง

ส่วนปัจจัยที่จะผลักดันเงินเฟ้อ มาจากราคาสินค้าเกษตรบางชนิดและเครื่องประกอบอาหารมีแนวโน้มสูงขึ้น เช่น เนื้อสุกร มะขามเปียก กะทิสำเร็จรูป กาแฟ เกลือป่น และน้ำมันพืช และยังต้องติดตามราคาน้ำมันดิบดูไบ อาจมีความผันผวนจากสถานการณ์ยูเครนโจมตีโรงกลั่นน้ำมันของรัสเซีย ซึ่งส่งผลกระทบต่ออุปทานตลาดโลก โดย สนค. จะขอดูตัวเลขเงินเฟ้อเดือน ก.ย.2568 ก่อน และจะประเมินคาดการณ์เงินเฟ้ออีกครั้ง โดยขณะนี้ ไตรมาส 3 คาดว่าเงินเฟ้อจะติดลบ 0.66% และไตรมาส 4 ติดลบ 0.24% ทั้งปีอยู่ในกรอบ 0-1% ค่ากลาง 0.5% แต่ดูแนวโน้มทั้งปีน่าจะอยู่ที่ 0-0.1%

ติดตามข่าวสารแบบฉับไว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
ติดตามข่าวสารผ่าน Twitter
กดคลิก Follow ด้านล่าง