กรมพัฒนาธุรกิจการค้าจับมือสมาคมส่งเสริมคอนเทนต์ วาย ไทย ร่วมมือขับเคลื่อนธุรกิจบริการและสินค้าชุมชนของไทย เปิดตัวสู่กลุ่ม LGBTQ+ เตรียมนำธุรกิจบริการและสินค้าชุมชนไปเป็นส่วนหนึ่งในการผลิตคอนเทนต์วาย สร้างการรับรู้ ดึงให้เข้ามาใช้บริการและบริโภค
         
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมได้หารือกับนายณพสิทธิ์ เที่ยงธรรม อุปนายกสมาคมส่งเสริมคอนเทนต์ วาย ไทย (Thai Association of Boys Love and Girls Love Content : TBLC) และคณะ เพื่อร่วมเปิดมิติใหม่ทางธุรกิจ นำพลังความหลากหลายมาสร้างรูปแบบการตลาดแนวใหม่ สร้างการรับรู้ และกระตุ้นความต้องการใช้บริการธุรกิจบริการและสินค้าชุมชนของไทย เช่น ร้านอาหาร โรงแรม ที่พัก สปา บริการสุขภาพ ความงาม อุตสาหกรรมบันเทิง แฟชัน เป็นต้น

ทั้งนี้ ไทยได้รับการยอมรับในระดับสากลว่าเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่เปิดกว้างและเป็นมิตรต่อกลุ่ม LGBTQ+ ส่งผลให้เกิดโอกาสทางธุรกิจที่หลากหลาย โดยเฉพาะการท่องเที่ยวเฉพาะกลุ่ม (LGBTQ Tourism) ที่ครอบคลุมทั้งการนำเที่ยว (ทัวร์) โรงแรมและที่พักที่เป็นมิตร ร้านอาหาร สถานบันเทิง ธุรกิจแฟชัน ความงาม สุขภาพ บันเทิง และบริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวเนื่อง



ขณะเดียวกัน ในปัจจุบันคอนเทนต์วาย ยังเป็นหนึ่งในซอฟต์พาวเวอร์ที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก สามารถนำมาใช้เป็นจุดเริ่มต้นเปิดช่องทางการตลาดใหม่ เพื่อสนับสนุนและยกระดับธุรกิจบริการไทยและสินค้าชุมชนไทยให้เป็นที่รู้จักได้เพิ่มขึ้น

สำหรับแนวทางความร่วมมือ จะมีการใช้จุดแข็งของแต่ละฝ่าย มาช่วยกระตุ้นการใช้บริการธุรกิจบริการ และบริโภคสินค้าชุมชนของไทย โดยสมาคม TBLC มีเครือข่ายผู้ประกอบการผู้ผลิตคอนเทนต์วาย ทั้งซีรีส์ ภาพยนตร์ นิยาย และสื่อใหม่ ๆ สามารถที่จะนำบริการและสินค้าชุมชนของไทยเข้าไปสอดแทรกในการผลิตผลงาน เพื่อแนะนำและสร้างการรับรู้ ส่วนกรม ก็จะเข้าไปช่วยพัฒนาเพิ่มองค์ความรู้ให้กับผู้ประกอบการ เรียนรู้การทำตลาด ให้มีความพร้อมในการรองรับกลุ่ม LGBTQ+ ที่จะเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้น

“ความร่วมมือในครั้งนี้ จะได้รับการต่อยอดเป็นโครงการที่เป็นรูปธรรมชัดเจน เช่น การจัดอบรมพัฒนาทักษะผู้ประกอบการให้เข้าใจตลาดเฉพาะกลุ่ม เพิ่มขีดความสามารถในการทำตลาด และการประชาสัมพันธ์ประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางธุรกิจและบริการที่เปิดกว้างและเป็นมิตรต่อทุกเพศสภาพ และยังเป็นก้าวสำคัญที่จะเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจไทย และต่อยอดออกสู่ตลาดสากล”นางอรมนกล่าว