กรมพัฒนาธุรกิจการค้าผนึกกำลังกรมสรรพากร เชื่อมโยงการทำงาน เตรียมความพร้อมรองรับการประเมิน Business Ready (B-Ready) ของธนาคารโลก ด้านการเข้าสู่ธุรกิจ ปี 68 พร้อมร่วมกันกำหนดมาตรการป้องกันทุนต่างชาติใช้คนไทยเป็นนอมินี เข้ามาทำธุรกิจโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ยันเดินหน้าบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานอื่น ๆ เพิ่มเติมต่อไป
         
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ ตนพร้อมด้วยผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กรม ได้ประชุมหารือบูรณาการความร่วมมือการทำงานนายปิ่นสาย สุรัสวดี อธิบดีกรมสรรพากร และคณะผู้บริหารกรมสรรพากร เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการประเมิน Business Ready (B-Ready) ของธนาคารโลก ด้านการเข้าสู่ธุรกิจ (Business Entry) ปี 2568 โดยจะพัฒนาการทำงานของทั้งสองหน่วยงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดขั้นตอนการทำงานที่ซ้ำซ้อน และเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างกันเพิ่มขึ้น
         
ทั้งนี้ ยังได้หารือถึงการกำหนดมาตรการแก้ไขปัญหาทุนต่างชาติจดทะเบียนนิติบุคคลเพื่อประกอบธุรกิจโดยผิดกฎหมายที่กำลังเป็นประเด็นปัญหาในสังคมไทยอยู่ขณะนี้ ซึ่งทั้ง 2 หน่วยงานพร้อมที่จะแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันเพื่อให้การดำเนินงานตามภารกิจของแต่ละหน่วยงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น



“หลังจากนี้ ทั้งสองหน่วยงาน จะได้มีการประสานงานในระดับเจ้าหน้าที่ เพื่อดำเนินการในประเด็นต่าง ๆ ข้างต้น ให้เกิดผลสำเร็จเป็นรูปธรรมต่อไป ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนผู้ใช้บริการมากขึ้น และสนับสนุนภาคธุรกิจให้มีความเข้มแข็งสามารถแข่งขันได้ในเวทีโลก”นางอรมนกล่าว
         
นางอรมนกล่าวว่า กรมมีความมุ่งมั่นที่จะบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานอื่น ๆ อีกหลายหน่วยงาน เพื่อพัฒนางานบริการให้รองรับความต้องการของผู้ใช้บริการได้มากที่สุด ก้าวทันยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือนำพาความสะดวกสบาย และรวดเร็วมาสู่ผู้ใช้บริการ ดังจะเห็นจากการให้บริการจดทะเบียนนิติบุคคลดิจิทัล หรือ DBD Biz Regist ที่กรมได้เปิดให้บริการแล้วเมื่อต้นปี 2568 ที่ผ่านมา ซึ่งจะช่วยประหยัดค่าเดินทาง ประหยัดเวลา ประหยัดค่าใช้จ่ายของธุรกิจได้ อีกทั้งผู้ใช้บริการยังสามารถเข้าถึงงานบริการต่าง ๆ ของกรม ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ พร้อมดำเนินการด้วยตนเองได้ง่าย ๆ ทำให้การเริ่มต้นธุรกิจเป็นไปอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้การประเมิน B-Ready ด้านการเข้าสู่ธุรกิจของประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ดี ผลักดันให้การทำธุรกิจในประเทศไทยเป็นที่น่าจับตาของนักลงทุนในเวทีโลก