DITP ชี้เป้าผู้ส่งออกผลิตเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพขายไต้หวัน รับเทรนด์ดูแลสุขภาพบูม

img

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) สำรวจตลาดชาไร้น้ำตาล ชาเพื่อสุขภาพในไต้หวันพบเป็นเทรนด์ใหม่ที่กำลังมาแรง หลังผู้บริโภคให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพ เผยอานิสงค์ยังไปถึงเครื่องดื่มชนิดอื่น ๆ ด้วย ทั้งกาแฟ น้ำอัดลม เครื่องดื่มฟังก์ชัน ชี้เป้าไทยผลิตสินค้าให้ตอบโจทย์ เพิ่มโอกาสขาย
         
น.ส.สุนันทา กังวาลกุลกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมได้มอบนโยบายให้ทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ในประเทศต่าง ๆ ทำการสำรวจลู่ทางการค้าและโอกาสการส่งออกสินค้าไทยไปยังประเทศที่ประจำอยู่ ตามนโยบายนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ล่าสุดได้รับรายงานจากนางสาวกัลยา ลีวงศ์เจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงมะนิลา (ส่วนที่ 2) ถึงการสำรวจตลาดชาไร้น้ำตาลและชาเพื่อสุขภาพ ที่กำลังเป็นเทรนด์ใหม่ที่มาแรงในตลาดไต้หวัน และโอกาสในการส่งออกเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพของไทยเจาะตลาด
         
โดยทูตพาณิชย์รายงานว่า ปัจจุบันชาวไต้หวันนิยมบริโภคชาอย่างแพร่หลาย โดยชาแดง ชาเขียว อู่หลง และชานม เป็นเครื่องดื่มชา 4 ประเภทหลักที่ได้รับความนิยมผ่านมายาวนาน ในฤดูใบไม้ผลิปี 2025 ชาไร้น้ำตาลกลายเป็นเทรนด์ใหม่ที่มาแรงในตลาดเครื่องดื่มในไต้หวัน ตามความตื่นตัวเรื่องการบริโภคเพื่อสุขภาพ ส่งผลให้ชาไร้น้ำตาลกลายเป็นตัวเลือกได้รับความนิยมสูงในตลาดเครื่องดื่ม โดยมีข้อมูลจาก Worldpanel ระบุว่า ในปี 2024 ยอดขายชาไร้น้ำตาลเทียบกับปี 2023 เติบโต 12% ความนิยมชาไร้น้ำตาล ได้ขยายจากชาเขียวและอู่หลงไปสู่ “ชาแดงไร้น้ำตาล” ซึ่งเคยถูกมองว่าขมและฝาดหากไม่ใส่น้ำตาล โดยในปี 2024 ผู้บริโภคเครื่องดื่มชาไร้น้ำตาล 23 คนในทุก ๆ 100 คนเลือกซื้อชาแดงไร้น้ำตาล ความนิยมที่เพิ่มขึ้นส่วนหนึ่งเป็นผลจากที่ผู้ผลิตมีการปรับรสชาติชาแดงให้กลมกล่อมขึ้น
         


นอกจากนี้ ข้อมูลของบริษัทวิจัยการตลาด Kantar Worldpanel ชี้ให้เห็นว่า สัดส่วนผู้บริโภคชาข้าวบาร์เลย์ในไต้หวันเพิ่มจาก 20% ในปี 2022 เป็น 32% ของผู้บริโภคเครื่องดื่มชาทั้งหมดในปี 2024 แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคเริ่มชื่นชอบชาประเภทนี้มากขึ้น โดย 2 แบรนด์หลักที่ได้รับความนิยมมากคือ ชาข้าวบาร์เลย์ไร้น้ำตาลของแบรนด์ อวี่ฉาหยวน และชาข้าวบาร์เลย์ของแบรนด์ AGV ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องดื่มรายใหญ่ในไต้หวัน และนอกจากชาไร้น้ำตาลแล้ว ยังมีผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพผลิตจากธัญพืชที่รสชาติคล้ายชาเข้ามาสู่ตลาดไต้หวันเพิ่มขึ้น โดยเน้นจุดขายที่แตกต่างกัน เช่น ชาข้าวโพด ชาข้าวบาร์เลย์ ชาเมล็ดพืช แบรนด์ Woongjin ของเกาหลี โดยต่างเน้นเจาะกลุ่มคนรักสุขภาพ ชามีส่วนผสมสารธรรมชาติ 13 ชนิด แบรนด์ Sokenbicha และชาธัญพืช 16 ชนิด แบรนด์ Asahi ของญี่ปุ่น ชูจุดเด่นเรื่องสมุนไพรหลากชนิดและปราศจากสารชาและคาเฟอีน เหมาะสำหรับทุกคนในครอบครัว ชาไร้แคลอรี่ ไม่แต่งกลิ่ม เสริมลูทีนและสารเพิ่มภูมิต้านทานให้ร่างกาย Q10 แบรนด์ปอมี่ ของไต้หวัน
         
ขณะเดียวกัน ตลาดกาแฟ น้ำอัดลม และเครื่องดื่มฟังก์ชันก็ได้รับอิทธิพลจากเทรนด์นี้เช่นกัน อาทิ กาแฟดำและอเมริกาโนไร้น้ำตาลเป็นที่นิยมมากขึ้น เช่น PureBrew ของแบรนด์ Mr. Brown และกาแฟ Aroma Sparking ของ UCC ที่ให้ความสดชื่นแบบน้ำอัดลม น้ำอัดลม Zero Sugar กลายเป็นกระแสหลัก แบรนด์ใหญ่อย่าง Coca-Cola, Pepsi และ Sprite ต่างขยายผลิตภัณฑ์ไร้น้ำตาล เครื่องดื่มชูกำลัง Red Bull และ Monster ก็พัฒนารุ่นไร้น้ำตาลเช่นกัน แสดงถึงความตื่นตัวในเรื่องสุขภาพที่แผ่ขยายทั่วตลาดไต้หวัน
         
“ไทยเป็นแหล่งนำเข้าเครื่องดื่มอันดับ 7 ของไต้หวันด้วยสัดส่วน 5.08% ของการนำเข้าเครื่องดื่มทั้งหมดในไต้หวัน โดยในปี 2024 ไต้หวันนำเข้าเครื่องดื่มจากไทย 8.36 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้าที่ไทยส่งออกมาก คือ เครื่องดื่มจำพวกน้ำผลไม้ โดยน้ำผลไม้ที่ได้รับความนิยมสูง คือ น้ำมะพร้าว น้ำมะม่วง สับปะรด น้ำส้ม น้ำผลไม้รวม โดยผู้ประกอบการไทยควรตระหนักถึงพฤติกรรมผู้บริโภคไต้หวันมักให้ความสำคัญและเลือกซื้อสินค้าที่ตอบกระแสความตื่นตัวด้านสุขภาพ เช่น เป็นผลไม้ 100% ไม่เติมน้ำตาล เป็นต้น หากสามารถผลิตสินค้าตอบสนองความต้องการได้ ก็จะเพิ่มโอกาสในการส่งออกได้มากขึ้น”น.ส.สุนันทากล่าว

ติดตามข่าวสารแบบฉับไว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
ติดตามข่าวสารผ่าน Twitter
กดคลิก Follow ด้านล่าง