
“พิชัย”เลี้ยงส่ง “หาน จื้อเฉียง” เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย เนื่องในโอกาสครบวาระการดำรงตำแหน่ง เผย พร้อมกับขอบคุณที่ได้ช่วยสนับสนุนการค้าไทยไปจีน ทั้งข้าว มันสำปะหลัง ผลไม้ โดยเฉพาะทุเรียนเป็นอย่างดี และล่าสุดกำลังจะส่งออกโคมีชีวิตได้
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 6 มิ.ย.2568 ที่ผ่านมา ตนพร้อมด้วยนายวรวงศ์ รามางกูร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ และคณะผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารเพื่อเป็นเกียรติแก่นายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย เนื่องในโอกาสครบวาระการดำรงตำแหน่ง โดยมีคณะจากสถานทูตจีนเข้าร่วม ได้แก่ นายอู๋ จื้ออู่ อัครราชทูต นายเจียง เหว่ย อัครราชทูตที่ปรึกษาฝ่ายการพาณิชย์ และ น.ส.จาง เซียวเซียว ที่ปรึกษาฝ่ายการพาณิชย์
ในการเลี้ยงส่งครั้งนี้ ได้ใช้โอกาสนี้แสดงความขอบคุณต่อท่านทูตจีนที่ให้ความร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์อย่างใกล้ชิดตลอดระยะเวลาการปฏิบัติหน้าที่ในไทย โดยเฉพาะการสนับสนุนการส่งออกสินค้าเกษตรของไทยสู่ตลาดจีนอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านการเปิดตลาดโคมีชีวิต การอำนวยความสะดวกด้านพิธีการศุลกากร และการผลักดันให้จีนเพิ่มการนำเข้าสินค้าเกษตรไทย เช่น ข้าว มันสำปะหลัง และผลไม้ โดยเฉพาะทุเรียน ซึ่งมีศักยภาพสูงในตลาดจีน
ทั้งนี้ ยังได้ขอให้ท่านทูตและสถานทูตจีน ช่วยผลักดันสินค้าเกษตรของไทยเข้าสู่ตลาดจีนมากขึ้น โดยเฉพาะมันสำปะหลัง ซึ่งปัจจุบันได้รับความนิยมสูง และน่ายินดีที่หลังจากมีการลงนามข้อตกลงการค้าระหว่างกระทรวงพาณิชย์กับรัฐบาลจีน ปรากฏว่าไทยสามารถส่งออกมันสำปะหลังไปจีนได้มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ถึง 3 เท่า ส่วนข้าว 4 เดือนของปี 2568 (ม.ค.- เม.ย.) ไทยส่งออกไปจีน ปริมาณ 202,889 ตัน เพิ่มขึ้น 77.67% มูลค่า 3,574 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.31%
ขณะเดียวกัน ได้เน้นย้ำถึงความตั้งใจของทั้งสองฝ่ายในการกระชับความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน ทั้งในระดับทวิภาคีและภูมิภาค โดยเฉพาะในกรอบความร่วมมืออาเซียน รวมทั้งการจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองโอกาสครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน ในปี 2569 ซึ่งเป็นอีกหนึ่งโอกาสสำคัญในการยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
นายหาน จื้อเฉียง กล่าวว่า มีความตั้งใจที่จะสนับสนุนการส่งเสริมการค้ากับไทย อาทิ การเปิดตลาดโคมีชีวิต ซึ่งคาดว่า ไทยจะสามารถส่งออกไปจีนได้ในเร็ว ๆ นี้ ในด้านการลงทุน เชื่อว่าจะมีนักลงทุนและนักธุรกิจจากจีนเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น รวมถึงการส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยพร้อมผลักดันให้ชาวจีนเดินทางมาท่องเที่ยวในไทยมากยิ่งขึ้น ซึ่งชาวจีนชอบมาท่องเที่ยวไทยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ส่วนผลไม้ไทย ก็เป็นที่นิยมในจีน เชื่อว่าจะสามารถส่งออกได้มากขึ้น และที่ผ่านมา สถานทูตจีนและกระทรวงพาณิชย์ ได้ทำงานอย่างใกล้ชิดและอำนวยความสะดวกในการส่งออกทุเรียน โดยเฉพาะเมื่อได้รับคำร้องขอจากกระทรวงพาณิชย์ให้ผ่อนปรนมาตรการต่าง ๆ สถานทูตก็ได้ดำเนินการประสานงานจนการส่งออกทุเรียนเป็นไปอย่างราบรื่น
ปัจจุบันจีนเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของไทยมาตั้งแต่ปี 2556 โดยการค้าระหว่างไทย-จีนในปี 2567 มีมูลค่า 115,851.30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 10.33% แบ่งเป็นส่งออก 35,243.30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 3.13% และนำเข้า 80,608.00 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 13.81% ส่วนช่วง 4 เดือนปี 2568 การค้ารวมมีมูลค่า 43,895.92 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 24.20% เป็นการส่งออก 12,331.50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 14.30% และนำเข้า 31,564.43 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 28.55% โดยสินค้าส่งออกสำคัญจากไทยไปจีน เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง ยางพารา เม็ดพลาสติก ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง เป็นต้น และสินค้านำเข้าที่สำคัญ เช่น เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน เคมีภัณฑ์ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เป็นต้น
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
กดคลิก Follow ด้านล่าง