
กรมพัฒนาธุรกิจการค้าจัดกิจกรรม “ยกระดับธุรกิจสู่เกณฑ์มาตรฐานคุณภาพการบริหารจัดการธุรกิจแฟรนไชส์ (Franchise Standard)” ผลักดันเกิดธุรกิจแฟรนไชส์รายใหม่ที่มีศักยภาพ พร้อมดึง SME D Bank ให้สิทธิพิเศษด้านสินเชื่อ จับมือบิ๊กซี-โลตัส สนับสนุนพื้นที่ประกอบธุรกิจ
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมได้จัดกิจกรรม “ยกระดับธุรกิจสู่เกณฑ์มาตรฐานคุณภาพการบริหารจัดการธุรกิจแฟรนไชส์ (Franchise Standard)” ภายใต้แนวคิด Next Gen Franchise : ยกระดับมาตรฐาน สร้างโอกาสในการขยายธุรกิจอย่างมืออาชีพ เพื่อยกระดับธุรกิจของคนไทย โดยใช้ระบบแฟรนไชส์เป็นกลยุทธ์ในการขยายธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเชิญผู้ประกอบธุรกิจแฟรนไชส์ชั้นนำระดับประเทศ 4 ราย มาร่วมเสวนาพิเศษเรื่อง “พลิกเกมธุรกิจแฟรนไชส์ไทย เพิ่มกำไร สร้างเครือข่ายด้วยนวัตกรรม” พร้อมแนะนำการปรับตัวและนำเทคโนโลยีมาใช้จะเป็นกุญแจในการสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน เพิ่มกำไร และสร้างเครือข่ายธุรกิจแฟรนไชส์ที่เติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ กรมยังได้ร่วมมือกับพันธมิตรด้านการเงินในการสนับสนุนธุรกิจแฟรนไชส์ให้สามารถเข้าถึงบริการด้านการเงิน โดยร่วมมือกับธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank ให้สิทธิพิเศษด้านสินเชื่อแก่ผู้ประกอบการธุรกิจแฟรนไชส์ที่ผ่านการตรวจประเมินจากโครงการ Franchise Standard ของกรมทุกรุ่น รวมถึงธุรกิจที่เข้าร่วมโครงการในปีนี้ ซึ่งคาดว่าจะมีธุรกิจที่ผ่านการตรวจประเมินจำนวน 50 ราย และยังได้ร่วมกับโลตัสและบิ๊กซีในการสนับสนุนสิทธิเศษด้านทำเลการค้าเพื่อให้ธุรกิจแฟรนไชส์สามารถเริ่มต้นประกอบธุรกิจได้อย่างครบวงจร
สำหรับธุรกิจแฟรนไชส์เป็นธุรกิจที่มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ สร้างมูลค่าทางการตลาดกว่า 300,000 ล้านบาท และมีอัตราเติบโตเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 15-20 ต่อปี การพัฒนาศักยภาพธุรกิจแฟรนไชส์รายใหม่ให้มีมาตรฐานเทียบเท่าระดับสากล เป็นสิ่งที่จะช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างเข้มแข็ง เป็นแหล่งสร้างงาน สร้างอาชีพ เพิ่มรายได้ของประเทศ
ปัจจุบัน มีธุรกิจที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานคุณภาพการบริหารจัดการ (Franchise Standard) จำนวน 545 ราย แบ่งตามประเภทธุรกิจ ดังนี้ ธุรกิจอาหาร จำนวน 248 ราย ร้อยละ 46 ธุรกิจเครื่องดื่ม จำนวน 106 ราย ร้อยละ 19 ธุรกิจการศึกษา จำนวน 68 ราย ร้อยละ 13 บริการ จำนวน 66 ราย ร้อยละ 12 ธุรกิจค้าปลีก จำนวน 33 ราย ร้อยละ 6 และธุรกิจความงามและสปา จำนวน 24 ราย ร้อยละ 4
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
กดคลิก Follow ด้านล่าง