​“สุชาติ”เผยไทยส่งออกสินค้าไปตลาดคู่ FTA ปี 67 มูลค่าสูงถึง 3.6 แสนล้านดอลลาร์

img

“สุชาติ”เผยไทยส่งออกสินค้าไปตลาดคู่ FTA ปี 67 มีมูลค่าสูงถึง 3.6 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่ม 5% ตลาดเปรู อินเดีย นิวซีแลนด์ จีน ชิลี อาเซียน ขยายตัวได้ดี แนะผู้ประกอบการใช้ประโยชน์จาก FTA ต่อเนื่อง เพื่อสร้างแต้มต่อ
         
นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศติดตามสถานการณ์การค้าของไทยในปี 2567 พบว่า การส่งออกขยายตัวได้ดี โดยเฉพาะประเทศที่ไทยมีความตกลงการค้าเสรี (FTA) ด้วย ซึ่งการค้ารวมของไทยกับกลุ่มประเทศคู่ FTA มีมูลค่า 360,340 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 5% จากปี 2566 และการส่งออกไปกลุ่มประเทศคู่ FTA มีมูลค่า 172,046 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 3% สำหรับตลาดคู่ FTA ที่ขยายตัวได้ดี อาทิ เปรู เพิ่ม 33% อินเดีย เพิ่ม 16% นิวซีแลนด์ เพิ่ม 13% จีน เพิ่ม 3% ชิลี เพิ่ม 3% และอาเซียน เพิ่ม 5% โดยรายประเทศอาเซียน อาทิ กัมพูชา เพิ่ม 43% สปป.ลาว เพิ่ม 6% เวียดนาม เพิ่ม 5% มาเลเซีย เพิ่ม 3% และสิงคโปร์ เพิ่ม 1%
         
“FTA ถือเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจการค้าของไทย รวมทั้งช่วยสร้างแต้มต่อและเพิ่มศักยภาพทางการเเข่งขันให้กับเกษตรกรและผู้ประกอบการไทยในตลาดโลก โดยคาดว่าในปี 2568 การส่งออกของไทยจะขยายตัวเพิ่มขึ้นอีก มีปัจจัยสนับสนุนจากทิศทางการค้าโลกที่ปรับตัวดีขึ้น ราคาสินค้าเกษตรและอาหารที่ปรับตัวสูงขึ้น และความต้องการสำรองสินค้าเพื่อความมั่งคงทางอาหาร ซึ่งปัจจัยดังกล่าวถือเป็นโอกาสการส่งออกสินค้าของไทย โดยเฉพาะตลาดที่ไทยมี FTA ด้วย จึงขอเชิญชวนให้ผู้ประกอบการใช้ประโยชน์จาก FTA ให้เต็มที่”

ทั้งนี้ ในปัจจุบันไทยมี FTA ที่มีผลใช้บังคับแล้ว 14 ฉบับ กับ 18 ประเทศ และมี FTA ไทย-ศรีลังกา เป็น FTA ฉบับที่ 15 คาดว่าจะผลบังคับใช้ภายในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 และเมื่อวันที่ 23 ม.ค.2568 ไทยได้ลงนาม FTA กับสมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป (EFTA) ซึ่งเป็น FTA ฉบับแรกของไทยกับประเทศในยุโรปอีกด้วย และล่าสุดได้ลงนาม FTA ไทย-ภูฏาน เมื่อวันที่ 3 เม.ย.2568 ที่ผ่านมา



น.ส.โชติมา เอี่ยมสวัสดิกุล อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า จากการติดตามสถานการณ์การค้าของไทยในปี 2567 เมื่อพิจารณาในรายสินค้า กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมส่งออกไปประเทศคู่ FTA เติบโตสูง มีมูลค่า 127,603 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 4% คิดเป็นการส่งออกไปตลาด FTA สัดส่วน 54% ของการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมของไทย สินค้าสำคัญที่ขยายตัว อาทิ อัญมณีและเครื่องประดับ เพิ่ม 48% ผลิตภัณฑ์อะลูมิเนียม เพิ่ม 23% เครื่องจักรกลและส่วนประกอบของเครื่องจักรกล เพิ่ม 14% เครื่องคอมพิวเตอร์อุปกรณ์และส่วนประกอบ เพิ่ม 13% ทองแดงและของทำด้วยทองแดง เพิ่ม 12% และเคมีภัณฑ์ เพิ่ม 8%
         
สำหรับการส่งออกสินค้าเกษตรและสินค้าเกษตรแปรรูปไปประเทศคู่ FTA แม้ในภาพรวมจะชะลอตัวเล็กน้อยจากปีก่อนหน้า โดยการส่งออกสินค้าเกษตรไปประเทศคู่ FTA ลดลง 0.5% สินค้าเกษตรแปรรูป ลด 1% เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ส่งผลให้เกิดสภาวะภัยแล้งจนกระทบต่อผลผลิตทางการเกษตรของไทย และสภาวะเศรษฐกิจในประเทศคู่ค้าที่ชะลอตัว แต่เมื่อพิจารณาในรายสินค้า พบว่า มีสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูปสำคัญหลายรายการที่ยังคงส่งออกได้ดี อาทิ กาแฟ เพิ่ม 105% เครื่องเทศและสมุนไพร เพิ่ม 49% ยางพารา เพิ่ม 30% ผลไม้กระป๋องและแปรรูป เพิ่ม 22% โกโก้และของปรุงแต่ง เพิ่ม 17% ซุปและอาหารปรุงแต่ง เพิ่ม 14% ผลิตภัณฑ์ข้าวสาลีและอาหารสำเร็จรูป เพิ่ม 10% และปลา เพิ่ม 8%

นอกจากนี้ ปัจจุบันไทยยังคงครองตำแหน่งเป็นผู้ส่งออกสินค้าเกษตรอันดับที่ 1 ของอาเซียน และเป็นอันดับที่ 8 ของโลก และผู้ส่งออกสินค้าเกษตรแปรรูปอันดับที่ 3 ของอาเซียน รองจากอินโดนีเซีย และมาเลเซีย และเป็นอันดับที่ 9 ของโลก
         
ในปี 2568 กรมมีแผนที่จะเร่งเดินหน้าเจรจา FTA กับคู่ค้าสำคัญ ได้แก่ สหภาพยุโรป แคนาดา เกาหลีใต้ พร้อมทั้งมีเป้าหมายเปิดเจรจากับคู่ค้าใหม่ ได้แก่ บังกลาเทศ สหราชอาณาจักร สหภาพเศรษฐกิจยูเรเซีย (EAEU) กลุ่มพันธมิตรแปซิฟิก หรือ Pacific Alliance และตลาดร่วมอเมริกาใต้ตอนล่าง หรือ MERCOSUR

ติดตามข่าวสารแบบฉับไว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
ติดตามข่าวสารผ่าน Twitter
กดคลิก Follow ด้านล่าง