
“สุชาติ”เป็นประธานเปิดงานสัมมนา “พลิกเกม SMEs สู่อนาคตเศรษฐกิจสีเขียว : ก้าวบทใหม่ความร่วมมือไทย–ญี่ปุ่น” จับมือญี่ปุ่นเดินหน้าความร่วมมือมิติใหม่ ยกระดับเอสเอ็มอีไทยปรับตัวทำธุรกิจสีเขียว ตอบโจทย์การค้ายุคใหม่ที่ผู้บริโภคทั่วโลกให้ความสำคัญกับการปกป้องสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน เผยยังได้ดึงสถาบันการเงินเข้ามาให้สินเชื่อสีเขียวแก่ผู้ประกอบการด้วย
นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ได้ร่วมมือกับศูนย์อาเซียน-ญี่ปุ่น หรือ ASEAN–Japan Centre จัดงานสัมมนา “พลิกเกม SMEs สู่อนาคตเศรษฐกิจสีเขียว : ก้าวบทใหม่ความร่วมมือไทย–ญี่ปุ่น” ณ โรงแรมอีสติน แกรนด์ พญาไท กรุงเทพฯ โดยตนได้ร่วมเปิดงานสัมมนากับนายโอตากะ มาซาโตะ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย และนายชัยรัตน์ เลียงขจรเกียรติ ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการโครงการของศูนย์อาเซียน–ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทยกับญี่ปุ่นที่มุ่งสู่การเป็นเศรษฐกิจสีเขียวและการพัฒนาการค้าอย่างยั่งยืน โดยตั้งเป้าให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาเห็นถึงทิศทางและโอกาสของการปรับเปลี่ยนการดำเนินธุรกิจให้ตอบโจทย์การค้ายุคใหม่ที่ผู้บริโภคทั่วโลกให้ความสนใจและความสำคัญกับเรื่องสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนมากขึ้น ซึ่งเป็นประเด็นท้าทายของภาคธุรกิจในระยะต่อไป ประกอบกับภาวะการแข่งขันทางธุรกิจที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้นทั่วโลก
สำหรับการจัดสัมมนาครั้งนี้ ไม่เป็นเพียงการให้ข้อมูลความรู้เกี่ยวกับนโยบายและมาตรการทางการค้าที่เกี่ยวโยงกับประเด็นสิ่งแวดล้อม และเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนของประเทศไทยและญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ยังได้นำสถาบันการเงินเข้ามาช่วย เพราะการจะปรับเปลี่ยนโรงงานหรือการดำเนินธุรกิจใหม่ ๆ ให้เป็นธุรกิจสีเขียว จำเป็นต้องใช้เงินทุนในการดำเนินการ กระทรวงพาณิชย์จึงนำสถาบันการเงินที่มีโครงการให้สินเชื่อสีเขียว หรือ Green Finance เข้ามาช่วยเหลือผู้ประกอบการเอ็สเอ็มอีที่มีความตั้งใจจะปรับเปลี่ยนธุรกิจด้วย
“ผมไม่อยากให้ผู้ประกอบการเอ็สเอ็มอี มองเรื่องการค้าและสิ่งแวดล้อมในมุมตั้งรับ และมองแต่ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับภาคธุรกิจ แต่อยากให้มองเชิงรุกและเห็นถึงโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ หากเอ็สเอ็มอีสามารถปรับตัวตามกระแสการค้ายุคใหม่นี้ได้ เชื่อมั่นว่า เอ็สเอ็มอีจะสามารถพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันเพิ่มขึ้น และช่วยขับเคลื่อนภาคเศรษฐกิจของประเทศไทยให้เติบโตเพิ่มขึ้นด้วย”นายสุชาติกล่าว
การจัดงานสัมมนา ได้ผลตอบรับดีมาก มีผู้เข้าร่วมงานสัมมนา ซึ่งเป็นผู้ประกอบการทั้งชาวไทยและญี่ปุ่นที่อยู่ในประเทศไทย โดยบริษัทต่าง ๆ ส่งผู้แทนเข้าร่วมสัมมนากว่า 100 ราย และกระทรวงพาณิชย์ยังทำงานร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานพันธมิตรถึง 11 หน่วยงาน ได้แก่ สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย องค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่นประจำกรุงเทพฯ (JETRO Bangkok) กระทรวงเศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ธนาคารพัฒนาเอเชียแห่งประเทศไทย ธนาคารเพื่อการนำเข้าและส่งออกแห่งประเทศไทย (EXIM Bank) ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME D Bank) กรมโรงงานอุตสาหกรรม กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และธนาคารกสิกรไทย
ปัจจุบันญี่ปุ่นเป็นคู่ค้าอันดับ 3 ของไทย ล่าสุด ในปี 2567 การค้าระหว่างไทยกับญี่ปุ่น มีมูลค่า 52,020.41 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แบ่งเป็นไทยส่งออกไปญี่ปุ่นมูลค่า 23,285.76 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และไทยนำเข้าจากญี่ปุ่นมูลค่า 28,734.65 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าส่งออกที่สำคัญของไทยไปญี่ปุ่น อาทิ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ไก่แปรรูป เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบอื่น ๆ เครื่องจักรและส่วนประกอบของเครื่องจักรกล และเคมีภัณฑ์ ส่วนสินค้านำเข้าที่สำคัญจากญี่ปุ่นมาไทย อาทิ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ และแผงวงจรไฟฟ้า
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
กดคลิก Follow ด้านล่าง