
สนค.จัดประชุมระดมสมองส่งเสริมผู้ประกอบการไทยในการเปลี่ยนผ่านด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลควบคู่กับการพัฒนาที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องแต่งกาย และอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ เพื่อรวบรวมความเห็น ข้อเสนอแนะ ก่อนนำมาทำแผนเชิงนโยบายในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรม
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า สนค. ได้จัดประชุมระดมสมอง ภายใต้โครงการศึกษาการส่งเสริมผู้ประกอบการไทยในการเปลี่ยนผ่านด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลควบคู่กับการพัฒนาที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ของอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องแต่งกาย และอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ เพื่อศึกษาแนวทางการเปลี่ยนผ่านแบบควบคู่ (Twin Transition) แนวนโยบายและแนวปฏิบัติของภาครัฐและภาคเอกชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ และรวบรวมข้อมูล ความคิดเห็น และข้อเสนอแนะ จากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องที่มีประสบการณ์เกี่ยวกับการเปลี่ยนผ่านแบบควบคู่ การเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัล (Digital Transition) หรือการเปลี่ยนผ่านให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Transition) ก่อนจัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายสำหรับหน่วยงานภาครัฐ รวมถึงแนวทางต้นแบบสำหรับภาครัฐและภาคเอกชนในการเปลี่ยนผ่านแบบควบคู่ โดยเฉพาะผู้ประกอบการ SME ในอุตสาหกรรมดังกล่าว
สำหรับการคัดเลือก 2 อุตสาหกรรมนี้ เนื่องจากเป็นอุตสาหกรรมที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจของไทย มีความเชื่อมโยงกับห่วงโซ่อุปทานโลก ทั้งด้านการส่งออก การผลิต การจ้างงาน และการลงทุน โดยในอุตสาหกรรมการผลิตสิ่งทอและเครื่องแต่งกาย ปี 2567 มีการส่งออก 2.71 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.53% นำเข้า 2.27 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.9% ส่วนอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง ปี 2567 ส่งออก 1.64 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.49% นำเข้า 7.46 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.32%
โดยผลการประชุมกลุ่มย่อย (Focus Group) ใน 2 อุตสาหกรรม ได้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลในการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน คือ 1.การเลือกใช้วัสดุที่ยั่งยืน อาทิ ภาคเอกชนในอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องแต่งกาย มีการปรับใช้เส้นใยธรรมชาติในการผลิตเสื้อผ้า เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภคยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม เช่นเดียวกันกับในอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ที่ให้ความสำคัญกับการเลือกใช้ไม้ธรรมชาติ และมุ่งเน้นส่งเสริมการออกแบบเฟอร์นิเจอร์ให้ใช้งานได้หลากหลายและยาวนานมากขึ้น 2.การปรับตัวทางดิจิทัล อาทิ การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในการผลิตเพื่อประหยัดกำลังแรงงานและเวลา และการปรับใช้ระบบซอฟต์แวร์เพื่อวางแผนการใช้ทรัพยากรในองค์กร (Enterprise Resource Planning: ERP) และ 3.การส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียน อาทิ การประยุกต์ใช้โมเดลเศรษฐกิจความยั่งยืน (Bio-Circular-Green Economy: BCG Model) โดยเฉพาะในภาคเอกชน เพื่อเสริมสร้างรากฐานความยั่งยืนของอุตสาหกรรม
อย่างไรก็ตาม มีความเห็นว่า ในการเปลี่ยนผ่านแบบควบคู่ รวมทั้งการเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัล และการเปลี่ยนผ่านให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของภาคเอกชนในอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องแต่งกาย และอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ ยังคงเผชิญกับท้าทายหลายประการ อาทิ ต้นทุนค่าใช้จ่ายในการตรวจรับรองมาตรฐานและปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตการแข่งขันในตลาดโลกที่รุนแรงขึ้น รวมถึงสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน ทำให้ผู้ประกอบการต้องให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจเป็นลำดับแรกก่อน
นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมประชุมได้เสนอแนวทางการขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านแบบควบคู่ ดังนี้ 1.การส่งเสริมผ่านนโยบาย และมาตรการจูงใจ โดยเฉพาะมาตรการส่งเสริมการลงทุน มาตรการด้านภาษี และการสนับสนุนทางการเงินให้กับผู้ประกอบการที่ต้องการเปลี่ยนผ่านด้านดิจิทัลหรือสิ่งแวดล้อม 2.การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อสนับสนุนระบบนิเวศอุตสาหกรรม อาทิ แพลตฟอร์มดิจิทัลที่เก็บรวบรวมฐานข้อมูลผู้ประกอบการในอุตสาหกรรม และการอำนวยความสะดวกผู้ประกอบการในการขอรับรองมาตรฐานสากล และ 3.การยกระดับทักษะแรงงาน และการถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีดิจิทัลและการเปลี่ยนผ่านด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืน รวมถึงการประชาสัมพันธ์ด้านกฎระเบียบของต่างประเทศและความต้องการของผู้บริโภค
“การส่งเสริมและผลักดันการเปลี่ยนผ่านแบบควบคู่ในอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องแต่งกาย และอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ ถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับศักยภาพของอุตสาหกรรมไทยให้สามารถแข่งขันได้ในเวทีโลกอย่างยั่งยืน ทั้งในมิติของสิ่งแวดล้อมและเทคโนโลยีดิจิทัล ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ใหม่ของอุตสาหกรรมไทยในฐานะผู้ผลิตที่มีความรับผิดชอบและทันสมัย การดำเนินการในวันนี้ จึงไม่ใช่เพียงการปรับตัว แต่คือการวางรากฐานที่มั่นคงให้กับอนาคตของเศรษฐกิจไทยในยุคเศรษฐกิจสีเขียวและเศรษฐกิจดิจิทัล โดยข้อมูลและองค์ความรู้จากการประชุมกลุ่มย่อยในครั้งนี้ จะถูกนำไปใช้ในการกำหนดข้อเสนอแนะเชิงนโยบายที่จะเป็นประโยชน์ต่อการปรับปรุงและต่อยอดนโยบายการส่งเสริมผู้ประกอบการไทยในการเปลี่ยนผ่านด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลควบคู่กับการพัฒนาที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมต่อไป”นายพูนพงษ์กล่าว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
กดคลิก Follow ด้านล่าง