“พาณิชย์”ชี้เป้าผู้ส่งออก ขายโกโก้จีน หลังความต้องการพุ่ง ย้ำเข้มคุณภาพ-มาตรฐาน

img

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เผยจีนมีความต้องการหาแหล่งซื้อโกโก้ใหม่ เพื่อป้อนความต้องการที่เพิ่มขึ้น และลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาตลาดเดียว ระบุไทยมีโอกาสขาย เหตุเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ ที่ภาครัฐส่งเสริม แนะต้องคุมคุณภาพ มาตรฐาน มั่นใจไม่เพียงแต่จะขายจีนได้เพิ่มขึ้น แต่ยังส่งออกไปตลาดโลกได้ด้วย

น.ส.สุนันทา กังวาลกุลกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่ากรมได้มอบนโยบายให้ทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ในประเทศต่าง ๆ ทำการสำรวจลู่ทางการค้าและโอกาสการส่งออกสินค้าไทยไปยังประเทศที่ประจำอยู่ ตามนโยบายนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ล่าสุดได้รับรายงานจาก น.ส.นันท์นภัส งามแม้น ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองเซี่ยเหมิน สาธารณรัฐประชาชนจีน ถึงกรณีที่จีนมีความต้องการหาแหล่งผลิตโกโก้แห่งใหม่ เพื่อป้อนความต้องการที่เพิ่มขึ้น จากราคาโกโก้ตลาดโลกพุ่งสูงขึ้น จึงเป็นโอกาสที่ไทย จะส่งออกโกโก้ไปยังตลาดจีนได้เพิ่มขึ้น

โดยทูตพาณิชย์รายงานข้อมูลสนับสนุนโอกาสดังกล่าว ว่า ขณะนี้ราคาโกโก้กำลังพุ่งสูงขึ้นอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ตั้งแต่ปลายปี 2022 เป็นต้นมา ราคาสัญญาซื้อขายล่วงหน้าโกโก้ได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเดือน เม.ย.2567 ราคาสัญญาซื้อขายล่วงหน้าโกโก้พุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 12,000 เหรียญสหรัฐ/ตัน ทั้งที่ปลายปี 2565 ราคายังอยู่ที่เพียง 2,500 เหรียญสหรัฐ/ตัน แม้ว่าในภายหลังจะมีการปรับราคาลงมาอยู่ที่ 7,000 เหรียญสหรัฐ/ตัน แต่ข้อมูลในเดือน ธ.ค.2567 ระบุว่าราคาสัญญาซื้อขายล่วงหน้าโกโก้ได้ทะลุระดับ 10,000 ดอลลาร์อีกครั้ง
         
ทั้งนี้ ยังมีข้อมูลจาก Global Trade Atlas ในส่วนของโกโก้และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง พบว่า ในปี 2567 จีนมีมูลค่าการนำเข้ารวมอยู่ที่ 1,335.52 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 29.29% โดยนำเข้าหลักจากมาเลเซีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ อิตาลี และเบลเยียม มีมูลค่าการนำเข้า 258.02 , 204.15 , 136.17 , 135.81 และ 80.38 ล้านเหรียญสหรัฐตามลำดับ โดยในปี2024 ไทยจัดอยู่ในลำดับที่ 28 มีมูลค่าอยู่ที่ 4.86 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วน 0.36% ของมูลค่าที่จีนนำเข้าจากทั่วโลก
         


ส่วนการนำเข้าเมล็ดโกโก้ ทั้งเมล็ดหรือแตก และโกโก้ดิบหรือคั่ว ปริมาณ 11,069.11 ตัน ลดลง 20.80% โดยนำเข้าจากประเทศในแถบแอฟริกาตะวันตกเป็นส่วนใหญ่ มีมูลค่าการนำเข้า 72.34 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 86.92% โดยนำเข้าจาก 5 ประเทศหลัก ได้แก่ เอกวาดอร์ ปาปัวนิวกินี โตโก กินี และกานา มีมูลค่า 20.79 , 20.71 , 19.78 , 6.19 และ 3.59 ล้านเหรียญสหรัฐ ตามลำดับ มีสัดส่วนการนำเข้าอยู่ที่ร้อยละ 28.74  ,28.63 , 27.35 , 8.56 และ 4.97 ตามลำดับ ส่วนไทยอยู่ในลำดับที่ 8 มีมูลค่าที่จีนนำเข้าอยู่ที่ 194,396 เหรียญสหรัฐ สัดส่วน 0.27% ของจีนนำเข้าจากทั่วโลก
         
อย่างไรก็ตาม มีรายงานอีกว่า การนำเข้าโกโก้และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นว่าความต้องการของผู้บริโภคชาวจีนต่อโกโก้กำลังขยายตัวขึ้นเรื่อย ๆ แม้ว่าตลาดโกโก้และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องในจีนจะเริ่มต้นช้ากว่าประเทศอื่น ๆ แต่ปัจจุบัน โกโก้ถูกนำไปใช้ในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มอย่างแพร่หลาย เดิมทีช็อกโกแลตถือเป็นผลิตภัณฑ์หลักของการใช้โกโก้ แต่การบริโภคช็อกโกแลตในจีนคิดเป็นเพียงหนึ่งในสามของการใช้โกโก้ทั้งหมด ขณะที่อีกสองในสามถูกใช้ในอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโต เช่น เบเกอรี ชานมสมัยใหม่ ไอศกรีม และเครื่องดื่มจากนม เป็นต้น ทำให้ผู้ผลิตในจีน มองหาแหล่งการผลิตโกโก้ใหม่ ผลักดันการเพาะปลูกในประเทศ เช่น มณฑลไหหลำ ยูนนาน และสิบสองปันนา รวมไปถึงการหาวัตถุดิบทดแทน เพื่อกระจายความเสี่ยงในการพึ่งพาแหล่งวัตถุดิบเดียว โดยบรรดาแบรนด์ช็อกโกแลตเริ่มให้ความร่วมมือกับซัปพลายเออร์โกโก้จากหลากหลายภูมิภาค
         
“จากความต้องการโกโก้ในตลาดจีนที่เพิ่มสูงขึ้น เป็นโอกาสของไทยในการส่งออกโกโก้และผลิตภัณฑ์เข้าสู่ตลาดจีนได้เพิ่มขึ้น เพราะปัจจุบันไทยเป็นแหล่งปลูกที่มีศักยภาพ มีสภาพอากาศเอื้อต่อการปลูก เนื่องจากโกโก้เป็นพืชเขตร้อน และยังมีการสนับสนุนจากภาครัฐให้โกโก้เป็นพืชเศรษฐกิจแห่งอนาคต การพัฒนาให้ความรู้เครือข่ายเกษตรกรและวิสาหกิจชุมชนเพื่อยกระดับคุณภาพโกโก้ การพัฒนามาตรฐานสินค้า เช่น GMP และ HACCP เพื่อการส่งออก รวมถึงกระบวนการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับห่วงโซ่อุปทานต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ จะช่วยผลักดันและสร้างศักยภาพให้กับโกโก้ไทย เป็นที่รับรู้มากขึ้นในตลาดโลก และเพิ่มโอกาสส่งออก ไม่เพียงแต่ตลาดจีน แต่จะส่งออกไปยังตลาดอื่น ๆ ได้ทั่วโลก”น.ส.สุนันทากล่าว

ติดตามข่าวสารแบบฉับไว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
ติดตามข่าวสารผ่าน Twitter
กดคลิก Follow ด้านล่าง