
กรมการค้าต่างประเทศ ปรับเปลี่ยนการใช้งานระบบ Self-Certification ให้เป็นระบบ Single Entry โดยใช้งานด้วย Username/Password ของระบบ DFT SMART-I เพียงที่เดียว และสามารถใช้งานระบบอื่น ๆ ได้ด้วย เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการ ดีเดย์ 1 เม.ย.68 เป็นต้นไป
นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมได้ยกระดับการพัฒนาระบบการรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเอง (Self-Certification) ขึ้นอีกระดับ ให้เป็นระบบ Single Entry โดยเชื่อมโยงระบบ Self-Certification เข้ากับระบบการให้บริการออกหนังสือสำคัญการส่งออก-นำเข้าสินค้า (DFT SMART-I) เพื่อให้ผู้ส่งออกสามารถใช้ Username เดียวกันกับระบบ DFT SMART-I ในการเข้าใช้งานระบบ Self-Certification อีกทั้งยังสามารถเข้าใช้งานระบบงานอื่น ๆ ของกรมได้ด้วย Username เดียวกันอีกด้วย
โดยระบบ Self-Certification ปัจจุบันรองรับการขึ้นทะเบียน 3 กรอบความตกลง ได้แก่ 1.การรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเองตามความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน (ASEAN Wide Self-Certification: AWSC) 2.การได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (GSP) ในการส่งออกไปสมาพันธรัฐสวิสและราชอาณาจักรนอร์เวย์ (Registered Exporter System: REX System) และ 3.การรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเองภายใต้ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (Regional Comprehensive Economic Partnership : RCEP)
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.2568 เป็นต้นไป กรมจะเริ่มใช้ระบบ Single Entry ในการเข้าใช้งานระบบ Self-Certification จึงขอให้ผู้ส่งออกที่ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนในระบบ DFT Smart-I ดำเนินการขึ้นทะเบียนให้เรียบร้อยตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป โดยผู้ส่งออกสามารถศึกษาวิธีการขึ้นทะเบียนของระบบ DFT Smart-I ได้ผ่านเว็บไซต์กรมการค้าต่างประเทศ (https://smart-1.dft.go.th/) หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน 1385
สำหรับการดำเนินการดังกล่าว เป็นไปตามนโยบายของนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ต้องการผลักดันการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ให้เกิดความเชื่อมโยงข้อมูลของทุกระบบงานเข้าด้วยกัน เพื่อให้ผู้ส่งออกได้รับการบริการที่สะดวก รวดเร็ว ลดขั้นตอนการดำเนินการ และลดภาระค่าใช้จ่าย
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
กดคลิก Follow ด้านล่าง