![img](/uploads/2025/02/67ac3a4630329.jpg)
สนค.เผยดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างเดือน ม.ค.68 เพิ่ม 0.3% ขยายตัวต่อเนื่อง 8 เดือนติดต่อกัน เหตุมีการเร่งดำเนินโครงการก่อสร้างภาครัฐ และค่าขนส่งที่ปรับตัวสูงขึ้นตามราคาดีเซล ดันราคาขยับขึ้น ทั้งหมวดไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ ผลิตภัณฑ์คอนกรีต อุปกรณ์ไฟฟ้าและประปา วัสดุฉาบผิว และวัสดุก่อสร้างอื่น ๆ ส่วนเหล็ก ซีเมนต์ กระเบื้อง สุขภัณฑ์ลดลง คาดปี 68 ดัชนียังคงเพิ่มต่อ จากการเร่งโครงสร้างพื้นฐาน ดอกเบี้ยลด ท่องเที่ยวฟื้น
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างเดือน ม.ค.2568 เท่ากับ 112.3 เพิ่มขึ้น 0.3% ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกัน จากการเร่งดำเนินโครงการก่อสร้างของภาครัฐ โดยเฉพาะโครงการด้านคมนาคมที่ดำเนินการในหลายพื้นที่ รวมทั้งค่าขนส่งที่ปรับสูงขึ้น ตามราคาน้ำมันดีเซลที่สูงกว่าปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ดัชนีราคาส่วนใหญ่ปรับสูงขึ้น ทั้งไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ ผลิตภัณฑ์คอนกรีต อุปกรณ์ไฟฟ้าและประปา วัสดุฉาบผิว และวัสดุก่อสร้างอื่น ๆ
โดยหมวดสินค้าสำคัญที่สูงขึ้น ได้แก่ หมวดไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ เพิ่ม 1% จากสินค้าสำคัญ ได้แก่ ไม้แบบ ไม้พื้น และบานประตู หมวดผลิตภัณฑ์คอนกรีต เพิ่ม 1.2% จากสินค้าสำคัญ เช่น เสาเข็มคอนกรีตอัดแรง เสาเข็มคอนกรีตเสริมเหล็ก และคอนกรีตผสมเสร็จ หมวดอุปกรณ์ไฟฟ้าและประปา เพิ่ม 2.7% จากการสูงขึ้นของราคาสายเคเบิล THW สายส่งกำลังไฟฟ้า NYY และสายไฟฟ้า VCT ที่มีการปรับราคาสูงขึ้นตามราคาทองแดงซึ่งเป็นวัตถุดิบหลัก หมวดวัสดุฉาบผิว เพิ่ม 0.8% จากการสูงขึ้นของราคาสีทาถนนชนิดสะท้อนแสง และหมวดวัสดุก่อสร้างอื่น ๆ เพิ่ม 7.3% จากการสูงขึ้นของราคายางมะตอย เนื่องจากความต้องการใช้เพิ่มขึ้นเพื่อก่อสร้างและซ่อมแซมถนนในหลายพื้นที่
ส่วนหมวดสินค้าสำคัญที่ราคาลดลง ได้แก่ หมวดเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก ลด 3.2% จากการลดลงของราคาเหล็กโครงสร้างรูปพรรณ เช่น เหล็กเส้นกลมผิวเรียบ เหล็กเส้นกลมผิวข้ออ้อย เหล็กฉาก เหล็กรางน้ำ เป็นต้น ที่ยังคงได้รับผลกระทบจากปัญหาวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ของจีนเป็นสาเหตุ ทำให้มีปริมาณเหล็กในตลาดจำนวนมากกดดันให้ราคาเหล็กในเอเชียและในประเทศลดลงอย่างต่อเนื่อง หมวดซีเมนต์ ลด 1.6% จากการลดลงของปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ ปูนซีเมนต์ผสม และปูนฉาบสำเร็จรูป เนื่องจากต้นทุนการผลิตลดลงจากราคาถ่านหินปรับลดลงโดยมีสาเหตุจากการเปลี่ยนไปใช้พลังงานสะอาดทดแทนมากขึ้น ทำให้ความต้องการใช้ถ่านหินลดลง ประกอบกับมีการแข่งขันในธุรกิจซีเมนต์สูงมาก
นอกจากนี้ ยังมีผลกระทบจากปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ยังสูงและหนี้เสียที่เพิ่มขึ้น ทำให้สถาบันการเงินมีความเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อ ส่งผลให้การลงทุนโครงการใหม่ ๆ ชะลอตัว จึงเป็นปัจจัยกดดันให้ดัชนีราคาหมวดกระเบื้อง ลด 1.3% จากสินค้าสำคัญ เช่น กระเบื้องเคลือบบุผนัง กระเบื้องเคลือบปูพื้น เป็นต้น รวมทั้งหมวดสุขภัณฑ์ ลด 0.9% จากสินค้าสำคัญ เช่น กระจกเงา ฝักบัวอาบน้ำ และราวจับแสตนเลส ที่มีความต้องการใช้ลดลงตามการชะลอตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์
นายพูนพงษ์กล่าวว่า ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างปี 2567 เฉลี่ยทั้งปี ลดลงเล็กน้อย 0.2% เนื่องจากสถานการณ์การลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัวต่อเนื่องจากหลายปัจจัย เช่น อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับสูง ภาวะหนี้ครัวเรือนสูง รวมทั้งหนี้เสียที่เพิ่มขึ้น ทำให้สถาบันการเงินเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อ ส่งผลกระทบต่อการจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์ ทำให้การลงทุนโครงการใหม่ ๆ ชะลอตัว แต่ในปี 2568 คาดว่า ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างจะมีทิศทางที่ขยายตัว จากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามแผน ทำให้การก่อสร้างที่เกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของภาครัฐเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อาทิ โครงการรถไฟความเร็วสูง โครงการรถไฟฟ้า โครงการทางด่วนพิเศษ โครงการขยายสนามบิน เป็นต้น รวมทั้งอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยที่ลดลงกว่าปีที่แล้ว และภาคอสังหาริมทรัพย์ที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นตามการท่องเที่ยว ทำให้สถานการณ์อสังหาริมทรัพย์ในประเทศมีแนวโน้มฟื้นตัว จะเป็นปัจจัยส่งผลให้ความต้องการใช้สินค้าวัสดุก่อสร้างเพิ่มมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม มีปัจจัยที่ทำให้ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างหดตัวกว่าที่คาดไว้ โดยต้องจับตามาตรการปกป้องอุตสาหกรรมเหล็กของสหรัฐฯ โดยการขึ้นภาษีศุลกากรในสินค้าเหล็กนำเข้า วิกฤตอสังหาริมทรัพย์ของจีนที่ยังคงยืดเยื้อ อาจส่งผลให้เหล็กของจีนกระจายไปยังภูมิภาคอื่นเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอาเซียนและไทย ส่งผลให้ราคาเหล็กในตลาดโลกและในประเทศปรับลดลง มีการชะลอตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์จากการเข้มงวดของการอนุมัติสินเชื่อของสถาบันการเงิน และหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง และราคาน้ำมันและพลังงานของโลกมีแนวโน้มลดลงตามอุปสงค์ที่ชะลอตัว และนโยบายการเพิ่มกำลังการผลิตของสหรัฐฯ
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
กดคลิก Follow ด้านล่าง