กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดระบบตรวจสอบที่ตั้งสำนักงานแห่งใหญ่ของนิติบุคคลแล้ว ประชาชนสามารถตรวจเช็กได้ว่าที่อยู่ของตนเอง ถูกนำไปใช้เป็นที่ตั้งบริษัทหรือไม่ หากตรวจสอบพบโดยไม่ได้รับทราบหรือยินยอม ขอให้แจ้งเรื่องทันที จะหมายเหตุไว้ในระบบจดทะเบียน “ไม่มีที่ตั้งตามที่จดทะเบียน” และส่งดำเนินคดีฐานแจ้งความเท็จ เพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้รับทราบ และป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น
         
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมได้เปิดให้บริการระบบตรวจสอบที่ตั้งสำนักงานแห่งใหญ่ของนิติบุคคลแล้ว โดยระบบนี้ ประชาชนทุกท่านสามารถเข้ามาใช้งาน เพื่อตรวจเช็กที่อยู่ของตนเองว่าถูกมิจฉาชีพนำไปจัดตั้งนิติบุคคลโดยไม่ได้ยินยอมหรือไม่ สามารถใช้งานได้ดังนี้ เข้าไปที่เว็บไซต์กรมพัฒนาธุรกิจการค้า www.dbd.go.th >> Hot Service >> ตรวจสอบที่ตั้งสำนักงานแห่งใหญ่ของนิติบุคคล >> กรอกข้อมูลที่อยู่ให้ครบถ้วนและกดค้นหาข้อมูล หากที่อยู่ที่กรอกไปนั้น ได้ใช้จดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคล ระบบจะแสดงข้อมูลรายละเอียดเบื้องต้นของนิติบุคคล ได้แก่ เลขทะเบียนนิติบุคคล ชื่อนิติบุคคล และที่ตั้งสำนักงาน
         
ทั้งนี้ หากประชาชนพบว่าที่อยู่ของตนเองถูกนำไปใช้จัดตั้งนิติบุคคลโดยไม่ได้รับทราบมาก่อนหรือไม่ยินยอม  สามารถส่งหนังสือเพื่อขอให้ตรวจสอบที่ตั้งสำนักงานใหญ่แห่งนั้นได้ โดยผู้ที่ขอตรวจสอบจะต้องเป็นเจ้าบ้าน หรือเจ้าของกรรมสิทธิ์ หรือเจ้าของสถานที่ พร้อมแนบเอกสารดังนี้ 1.สำเนาทะเบียนบ้าน (เจ้าบ้าน) สำเนาโฉนดที่ดิน (เจ้าของกรรมสิทธิ์) 2.สำเนาบัตรประชาชน 3.สัญญาเช่า และหนังสือยกเลิกสัญญาเช่า (ถ้ามี) 4.แผนที่สถานที่ตั้ง 5.ผู้ประสานงาน เบอร์โทรศัพท์ ที่อยู่ในการติดต่อ และ 6.ข้อมูลอื่น ๆ (ถ้ามี)

โดยหากที่ตั้งสำนักงานแห่งใหญ่ของนิติบุคคลที่ร้องขอให้ตรวจสอบ อยู่พื้นที่กรุงเทพมหานคร ให้ส่งหนังสือและเอกสารมาถึงผู้อำนวยการกองธรรมาภิบาลธุรกิจ ที่อยู่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า 563 ถนนนนทบุรี ตำบลบางกระสอ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี 11000 และกรณีที่ตั้งสำนักงานแห่งใหญ่อยู่ส่วนภูมิภาคหรือต่างจังหวัด ให้ยื่นต่อสำนักงานพาณิชย์จังหวัดที่นิติบุคคลนั้นตั้งอยู่ หรือส่ง e-Mail มาที่ [email protected]
         


สำหรับนิติบุคคลที่กรมตรวจสอบแล้ว พบว่า ไม่มีที่ตั้งตามที่จดทะเบียนอยู่จริง กรมจะดำเนินการหมายเหตุไว้ในระบบจดทะเบียนว่านิติบุคคลดังกล่าวว่า “ไม่มีที่ตั้งตามที่จดทะเบียนไว้” และส่งเรื่องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีฐานแจ้งข้อความเท็จ พร้อมหมายเหตุบนหน้าหนังสือรับรอง และระบบ DBD Datawarehouse+ เพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้รับทราบ และป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นจากการทำธุรกิจ หรือถูกนิติบุคคลรายดังกล่าวมาติดต่อทำธุรกิจ
         
นอกจากนี้ กรมอยู่ระหว่างการทำประชาพิจารณ์เปิดรับฟังความคิดเห็นจากภาคประชาสังคม เรื่อง การเรียกเอกสารยินยอมให้ใช้สถานที่เป็นที่ตั้งสำนักงานนิติบุคคล เพื่อให้ผู้มีส่วนได้เสีย แสดงความเห็นผลดี-ผลกระทบที่จะเกิดขึ้น และจะนำมาปรับขั้นตอนการให้บริการจดทะเบียนนิติบุคคลได้อย่างรัดกุมต่อไป คาดว่าจะผลได้รับทราบประชาพิจารณ์ประมาณกลางเดือน มี.ค.2568 นี้
         
การดำเนินการดังกล่าว เกิดขึ้นหลังจากกรมได้รับการร้องเรียนจากประชาชนและประเด็นมิจฉาชีพหลอกลวงเงินผู้เสียหายให้โอนไปยังบัญชีธนาคารชื่อนิติบุคคลแห่งหนึ่งตามที่ปรากฎตามในหน้าข่าวสื่อมวลชนช่วงที่ผ่านมา และตรวจสอบพบว่า นิติบุคลรายนั้น ไม่มีที่ตั้งตรงกับที่แจ้งไว้ตอนจดทะเบียนกับกรม รวมถึงเจ้าของที่อยู่นั้น ไม่ได้ยินยอมให้ใช้สถานที่ตั้งเป็นสถานประกอบการแต่อย่างใด จึงเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ทำลายความเชื่อมั่นของนิติบุคคลและระบบเศรษฐกิจของไทยอย่างมาก กรมไม่นิ่งนอนใจและได้เร่งดำเนินมาตรการทุกด้านเพื่อป้อมปรามการกระทำของมิจฉาชีพ