​“พาณิชย์” จัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย เสริมแกร่งอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ไทย

img

สนค.จัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย ในการสนับสนุนและส่งเสริมความแข็งแกร่งด้านการค้าให้กับอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ของไทย จำนวน 8 ข้อ เพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องนำไปใช้ ขอเน้นการวิจัยและพัฒนาเฟอร์นิเจอร์ที่เป็นมิตรสิ่งแวดล้อม เร่งขยายตลาดที่มีศักยภาพ ผลิตเฟอร์นิเจอร์ตอบสนองเฉพาะกลุ่ม ออกแบบเน้นเอกลักษณ์ไทย เตรียมรับมือข้อจำกัดการค้า ใช้ประโยชน์จาก FTA นำเทคโนโลยีมาใช้ พัฒนาสินค้าต้นน้ำกลางน้ำ และสร้างมาตรฐาน
         
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สนค.ได้ทำการศึกษาการเติบโตของอุตสาหกรรมการผลิตเฟอร์นิเจอร์ พบว่า ความนิยมเฟอร์นิเจอร์มีการปรับเปลี่ยนจากปัจจัยต่าง ๆ ตามบริบทของโลก อาทิ ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคอุบัติใหม่ ความก้าวหน้าของเทคโนโลยี และการตระหนักรู้ถึงปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมที่เพิ่มมากขึ้น โดยทิศทางแนวโน้มความต้องการเฟอร์นิเจอร์ จะให้ความสำคัญกับความกลมกลืนและเชื่อมโยงกับธรรมชาติ การผสานเทคโนโลยีเข้ากับชีวิตได้อย่างราบรื่น ผสานฟังก์ชันต่าง ๆ ที่พร้อมตอบสนองต่อความต้องการและพฤติกรรมการใช้ชีวิตของคนยุคใหม่ และการใช้งานได้หลากหลาย (Multitasking) สามารถปรับเปลี่ยนให้เข้ากับความต้องการในชีวิตประจำวันที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาของผู้ใช้งานได้

ทั้งนี้ มาตรฐานเฟอร์นิเจอร์ ยังเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการต้องคำนึง เนื่องจากจะเป็นตัวกำหนดแนวปฏิบัติเพื่อให้ผู้ผลิตและส่งออกดำเนินการให้สอดคล้องกับกฎหมายและข้อบังคับของประเทศปลายทาง อีกทั้งยังมีส่วนช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มและความน่าเชื่อถือต่อผู้บริโภคได้มากขึ้น ทั้งมาตรฐานด้านความปลอดภัย และมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม

นายพูนพงษ์กล่าวว่า จากแนวโน้มการเติบโตดังกล่าว สนค. มีข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการสนับสนุนและส่งเสริมความแข็งแกร่งทางด้านการค้าเฟอร์นิเจอร์ของไทย เพื่อเป็นข้อมูลในการส่งเสริมการเติบโตของอุตสาหกรรม รวมถึงสินค้าอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง นำไปใช้ขับเคลื่อน จำนวน 8 ข้อ ได้แก่

1.สนับสนุนการเผยแพร่งานวิจัยและพัฒนาการผลิตเฟอร์นิเจอร์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งในการพัฒนาวัสดุที่ใช้เพื่อลดปริมาณขยะและสร้างมูลค่าเพิ่ม และการพัฒนากระบวนการผลิตที่สร้างมลพิษน้อยที่สุด เพื่อตอบโจทย์แนวโน้มด้านสิ่งแวดล้อมที่ทุกประเทศกำลังให้ความสำคัญ
         


2.เร่งผลักดันการส่งออกเฟอร์นิเจอร์ไปยังตลาดที่มีศักยภาพ ทั้งตลาดใหม่นอกเหนือจากประเทศคู่ค้าหลักในปัจจุบัน โดยเฉพาะประเทศที่มีอัตราการเติบโตของมูลค่าการนำเข้าเฟอร์นิเจอร์ต่อเนื่อง และตลาดคู่ค้าเดิมที่มีอัตราการเติบโตของมูลค่าการส่งออกจากไทยสูง โดยเฉพาะกลุ่มประเทศอาเซียนและเอเชีย เนื่องจากเป็นตลาดศักยภาพที่ไทยมีความคุ้นเคย จึงอาจขยายความสัมพันธ์ทางการค้าสินค้าที่เกี่ยวข้องกับเฟอร์นิเจอร์ได้มากขึ้น
         
3.ศึกษาและเผยแพร่แนวโน้มความต้องการเฟอร์นิเจอร์ที่สามารถตอบสนองต่อการใช้งานของผู้บริโภคเฉพาะกลุ่มได้มากขึ้น อาทิ ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีความบกพร่องทางด้านร่างกาย เพื่อช่วยกระตุ้นแนวคิดผู้ประกอบการให้สามารถเตรียมพร้อมรับมือกับความต้องการใหม่ ๆ ของตลาดได้ดียิ่งขึ้น
         
4.ส่งเสริมการออกแบบเฟอร์นิเจอร์ที่สร้างสรรค์และมีกลิ่นอายเอกลักษณ์ความเป็นไทย อาทิ การใช้ลายผ้าไทยเป็นส่วนประกอบ เพื่อสร้างความแตกต่างในตลาดเฟอร์นิเจอร์และยังเป็นการสนับสนุนนโยบาย Soft Power ของไทยอีกทางด้วย
         
5.ติดตามและเผยแพร่มาตรการที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถเตรียมพร้อมรับมือกับข้อจำกัดทางการค้าที่อาจเกิดขึ้นใหม่ได้ทันท่วงที
         
6.ผลักดันผู้ประกอบการให้เร่งศึกษา ทำความเข้าใจ และใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าภายใต้ข้อตกลงเขตการค้าเสรี (FTA) ในกรอบต่าง ๆ เพื่อแสวงหาโอกาสจากความตกลงเขตการค้าเสรีและเพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันแก่ผู้ประกอบการไทยในตลาดโลก
         
7.นำเทคโนโลยีการผลิตของประเทศผู้ส่งออกชั้นนำของโลกมาเป็นต้นแบบให้อุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ไทย เช่น การศึกษาเทคโนโลยีการผลิตของประเทศจีน เพื่อให้เกิดการเรียนรู้และสามารถนำนวัตกรรมดังกล่าวมาปรับใช้กับกระบวนการผลิตเฟอร์นิเจอร์ของไทยต่อไป
         
8.มุ่งพัฒนาสินค้าต้นน้ำ-กลางน้ำที่ตอบสนองต่อความต้องการของประเทศผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์หลักในโลก โดยเฉพาะวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตเฟอร์นิเจอร์ อาทิ ไม้ โลหะ เพื่อให้ไทยสามารถเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในห่วงโซ่อุปทาน โดยอาจมุ่งเน้นการพัฒนาสินค้ากลางน้ำเป็นสำคัญ เนื่องจากมีมูลค่าสูงกว่าสินค้าต้นน้ำ
         


9.สร้างการรับรู้มาตรฐานของกระทรวงพาณิชย์ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง พร้อมผลักดันให้ได้รับการยอมรับในระดับสากล เช่น Demark Award ซึ่งเป็นรางวัลสำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีการออกแบบยอดเยี่ยม และตราสัญลักษณ์ Thailand Trust Mark (T Mark) ซึ่งเป็นตราสัญลักษณ์เพื่อรับรองคุณภาพมาตรฐานของสินค้าและบริการของไทย เพื่อสร้างการยอมรับและความน่าเชื่อถือให้กับเฟอร์นิเจอร์ไทยมากขึ้น
         
ปัจจุบันอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจไทย เนื่องจากมีความเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมอื่น ๆ หลากหลาย และก่อให้เกิดการจ้างงานจำนวนมาก การเติบโตของอุตสาหกรรมการผลิตเฟอร์นิเจอร์ สามารถส่งผลทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อภาพรวมเศรษฐกิจ โดยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ในไตรมาสแรกของปี 2024 มีอัตราการขยายตัว 11.10% ซึ่งผลิตภัณฑ์สำคัญ 3 อันดับแรกที่มีผลต่อดัชนี ได้แก่ การผลิตเฟอร์นิเจอร์ไม้ มีสัดส่วนการผลิตสูงสุดถึง 75.68% รองลงมาเป็นการผลิตเฟอร์นิเจอร์โลหะ และการผลิตฐานรองที่นอนและที่นอน
         
ในปี 2023 อุตสาหกรรมการผลิตเฟอร์นิเจอร์ มีจำนวนผู้ประกอบการทั้งหมด 12,117 ราย เป็นผู้ประกอบการรายย่อย (Micro) จำนวน 9,204 ราย คิดเป็นสัดส่วน 75.96% และมีการจ้างงานทั้งหมด 106,556 ราย โดยส่วนใหญ่เป็นการจ้างงานในธุรกิจรายย่อย (Micro) และธุรกิจขนาดย่อม (S) คิดเป็นสัดส่วนรวมกันกว่า 61.57% ซึ่งการจ้างงานส่วนใหญ่อยู่ในภาคการผลิตเฟอร์นิเจอร์ไม้ จำนวน 46,727 ราย คิดเป็นสัดส่วน 43.85% ของจำนวนการจ้างงานในภาคการผลิตเฟอร์นิเจอร์ทั้งหมด แสดงให้เห็นว่า อุตสาหกรรมการผลิตเฟอร์นิเจอร์ของไทยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มของเฟอร์นิเจอร์ไม้เป็นหลัก และเป็นกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อยและขนาดย่อมที่เป็นกลุ่มฐานรากในระบบเศรษฐกิจที่จะต้องให้ความสำคัญอย่างมาก
         
นอกจากนี้ อุตสาหกรรมการผลิตเฟอร์นิเจอร์ไทย พึ่งพาการส่งออกเป็นหลักคิดเป็นประมาณ 70% ของการผลิตเฟอร์นิเจอร์ทั้งหมด โดยในปี 2023 ไทยมีมูลค่าส่งออก 1,617.51 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตลาดส่งออกหลัก 3 ประเทศแรก ได้แก่ สหรัฐฯ ญี่ปุ่น และจีน ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาอัตราการเติบโตเฉลี่ย 3 ปี (ปี 2021-2023) พบว่า มีตลาดน่าสนใจที่มีแนวโน้มการเติบโตไปในทิศทางบวก อาทิ มาเลเซีย ขยายตัว 16.91% แคนาดา 12.86% และไต้หวัน 9.94% และหากพิจารณาแนวโน้มการนำเข้าเฟอร์นิเจอร์ภาพรวมในตลาดโลก พบว่า ในปี 2023 มีมูลค่า 239,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยประเทศที่มีการนำเข้าสูงสุด 3 อันดับแรก คือ สหรัฐฯ เยอรมนี และฝรั่งเศส ทั้งนี้ ในช่วง 3 ปีล่าสุด (ปี 2021-2023) พบว่า ตลาดที่น่าสนใจและมีการนำเข้าเติบโตอย่างต่อเนื่อง คือ สาธารณรัฐเช็ก 3.85% และอิตาลี 0.25%
 

ติดตามข่าวสารแบบฉับไว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
ติดตามข่าวสารผ่าน Twitter
กดคลิก Follow ด้านล่าง