​“จุรินทร์”สบช่องใช้เวที JTC ขอเวียดนามเจรจาจีนเปิดด่าน 24 ชั่วโมง หนุนส่งออกผลไม้

img

“จุรินทร์”ประชุม JTC ไทย-เวียดนาม สบช่องขอช่วยเจรจาจีนเปิดด่าน “ด่านโหย่วอี้กวาน-ด่านรถไฟผิงเสียง” ตลอด 24 ชั่วโมง เปิด “ด่านตงซิง” หลังถูกปิด และขอเพิ่มกรีนเลน ช่วยอำนวยความสะดวกส่งออกผลไม้ พร้อมขอให้ยกเลิกห้ามนำเข้า 3 สินค้าไทย ช่วยพีอาร์งานแฟร์ ขอใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ขายสินค้า หนุนไทยลงทุนพลังงานสะอาด แรงงาน ขึ้นทะเบียนจีไอ ด้านเวียดนามขอไทยช่วยลดปัญหาขาดดุลการค้า ออกใบอนุญาตนำเข้าผลไม้ 5 ชนิด   
         
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (Joint Trade Committee : JTC) ไทย-เวียดนาม ครั้งที่ 4 กับนายเหวียน ห่ง เซียน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า ของเวียดนาม ที่โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ ว่า ได้ใช้โอกาสนี้ของให้เวียดนามช่วยเจรจากับรัฐบาลจีน ในฐานะที่มีชายแดนติดกัน เพื่ออำนวยความสะดวกการส่งผลไม้ไทยผ่านด่านเวียดนามไปจีน โดยด่านโหย่วอี้กวาน ของจีน ที่อยู่ตรงข้ามกับด่านหวูหงิ ของเวียดนาม ปัจจุบันเปิดทำการตั้งแต่ 08.00-19.00 น. ขอให้เวียดนามช่วยเจรจากับจีนให้เปิดเป็น 24 ชั่วโมง และด่านรถไฟผิงเสียง ของจีน กับด่านรถไฟด่งดัง ของเวียดนาม เปิดทำการ 08.30-18.00 น. ขอให้ขยายเป็น 24 ชั่วโมง ส่วนด่านตงซิง ของจีน กับด่านหม่องก๋าย ของเวียดนาม ขณะนี้ปิดทำการ ขอให้ทางเวียดนามช่วยเจรจาอีกครั้งให้เปิดด่านต่อไป
         
ทั้งนี้ ยังขอให้เวียดนามและจีน ช่วยเพิ่มช่องทางกรีนเลน (Green Lane) อำนวยความสะดวกส่งสินค้าไทย ที่ผ่านกระบวนการปลอดโควิด-19 ตามมาตรฐานเข้าจีนให้เร็วขึ้น และขอให้ช่วยเจรจาทั้ง 2 ฝ่ายเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกมากขึ้น ซึ่งรัฐมนตรีเวียดนามแจ้งว่ายินดีที่จะส่งเสริมกรีนเลนให้กับฝ่ายไทย แต่การเจรจากับจีนต้องหารือกันต่อไป เพราะเป็นนโยบายซีโร่โควิดของจีน และตนได้ทำหนังสือถึงรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับด่านของจีนแล้ว ขอโอกาสในการหารือ เพราะผลไม้ไทยกำลังเริ่มออกในเดือนพ.ค.2565 นี้
         
นายจุรินทร์กล่าวว่า ได้ขอให้ทางการเวียดนามยกเลิกการระงับการนำเข้าสินค้า 3 ตัวจากไทย คือ 1.เนื้อไก่ 2.เงาะ และ 3.มะม่วง ซึ่งท่านรัฐมนตรีเวียดนามรับไปพิจารณา ส่วนเรื่องการส่งออกยาของไทยไปเวียดนาม ที่ได้มีการกำหนดเงื่อนไขเพิ่มเติมนอกเหนือจากข้อตกลงอาเซียน ขอให้ทางเวียดนามช่วยปรับปรุงให้เป็นไปตามข้อตกลงอาเซียน ยกเลิกเอกสาร และมาตรการที่เกินข้อตกลง รัฐมนตรีเวียดนามรับจะไปปรับปรุงแก้ไขให้ต่อไป
         


ขณะเดียวกัน ไทยได้ขอเวียดนามช่วยประชาสัมพันธ์การจัดงานแสดงสินค้าไทยในเวียดนาม โดยเฉพาะงาน Mini Thailand Week ที่จะจัดขึ้นที่นครเกิ่นเทอ 20-22 พ.ค.2565 และเมืองกว่างนิงห์ 16-19 มิ.ย.2565 ขอให้สนับสนุนให้ไทยใช้แพลตฟอร์มของเวียดนามเป็นช่องทางในการกระจายสินค้าสู่มือผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็น Shopee , Lazada , เวียดนาม TIKKI และ Sendo ขอให้สนับสนุนการลงทุนด้านพลังงานสะอาดของนักลงทุนไทยในเวียดนาม ขอให้สนับสนุนแรงงานเพิ่มเติมจากปัจจุบัน คือ ประมงกับก่อสร้าง โดยให้เพิ่มอีก 2 สาขา คือ แม่บ้านและผู้ใช้แรงงาน และขอให้เร่งขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (จีไอ) สินค้าลำไยอบแห้งเนื้อสีทองลำพูนของไทย ที่ได้ไปขอขึ้นทะเบียนไว้
         
ส่วนเวียดนาม ขอให้ไทยสนับสนุนและช่วยแก้ไขเรื่องการขาดดุลการค้า ที่เวียดนามขาดดุลกับไทยมาก ซึ่งได้แจ้งว่าพร้อมที่จะสนับสนุนงานต่าง ๆ ที่เวียดนามจะมาจัดในไทย ขอให้ไทยเร่งออกใบอนุญาตนำเข้าผลไม้ 5 ชนิด คือ ส้มโอ น้อยหน่า เสาวรส ลูกน้ำนม และเงาะ ได้แจ้งให้เวียดนามใช้ช่องทาง MoU ที่ทำกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของไทยเป็นเวทีหารือ ขอให้ท่าเรือของไทยลดขั้นตอนการตรวจสินค้า รวมทั้งช่วยตรวจเอกสารให้เร็วขึ้น ซึ่งกระทรวงการคลังและคมนาคม รับเรื่องนี้ไปปรับปรุงอำนวยความสะดวกให้ และขอให้ทางไทยร่วมสนับสนุนจัดงานแสดงสินค้าของเวียดนามในไทยในห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ ซึ่งตนเรียนว่ากระทรวงพาณิชย์ไทยยินดีสนับสนุน
         
นอกจากนี้ ทั้ง 2 ฝ่าย ยังมีความเป็นห่วงเรื่องสงครามรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งจะมีผลกระทบต่อการค้าของทั้ง 2 ประเทศ และมีผลกระทบต่อเกือบทุกประเทศในโลก ไทยกับเวียดนามจำเป็นที่จะต้องจับมือกันให้แน่นแฟ้น รวมทั้งประเทศสมาชิกอาเซียน เพราะจะมีส่วนช่วยทำให้เราร่วมกันแก้ไขสถานการณ์ปัญหาต่าง ๆ ทางการค้า การลงทุน ร่วมกันได้อย่างมีน้ำหนักยิ่งขึ้น และตนชวนท่านเข้าร่วมการประชุมเอเปกในปลายปีที่จะถึงนี้ด้วย
         
ปัจจุบัน มูลค่าการค้าระหว่างไทยกับเวียดนาม เมื่อปี 2564 มีมูลค่าประมาณ 20,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และได้มีการตั้งเป้าปี 2025 จะเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกันเป็น 25,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
         
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการประชุม นายจุรินทร์ได้เดินชมกิจกรรมที่กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ จัดกิจกรรมจับคู่เจรจาธุรกิจออนไลน์ (OBM) ซึ่งเป็นงานคู่ขนานกับการประชุม JTC ไทย-เวียดนาม มีคู่เจรจา 47 คู่ จากผู้นำเข้า 12 ราย ผู้ส่งออก 31 ราย คาดมูลค่าซื้อขาย 30 ล้านบาท โดยสินค้าไทยที่ได้รับความสนใจ ได้แก่ อาหารและผลไม้แปรรูป เครื่องดื่ม ของขบเคี้ยว ซอสปรุงรส เครื่องสำอาง สปา ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว แชมพู ของเล่นเด็ก และ น้ำมันเครื่อง เป็นต้น






ติดตามข่าวสารแบบฉับไว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
ติดตามข่าวสารผ่าน Twitter
กดคลิก Follow ด้านล่าง