กรมเจรจาฯ ชี้เป้าใช้ประโยชน์ความตกลง RCEP กับเกาหลีใต้และมาเลเซีย

img

กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศเผยความตกลง RCEP จะมีผลบังคับใช้กับเกาหลีใต้และมาเลเซีย ในวันที่ 1 ก.พ.65 และ 18 มี.ค.65 หลังบังคับใช้กับ 10 ประเทศสมาชิกไปแล้วตั้งแต่ 1 ม.ค.65 ชี้เป้าไทยเตรียมใช้ประโยชน์ เกาหลีใต้จะลดภาษีทันที 7,843 รายการ แถมเปิดตลาดเพิ่มให้ไทยอีก 413 รายการ และยังมีโอกาสลงทุนสาขาบริการที่ไทยมีศักยภาพ ส่วนมาเลเซียลดทันที 6,590 รายการ

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า หลังจากที่ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) มีผลใช้บังคับกับสมาชิก 10 ประเทศ ได้แก่ บรูไนดารุสซาลาม กัมพูชา สปป.ลาว สิงคโปร์ ไทย เวียดนาม ออสเตรเลีย จีน ญี่ปุ่น และนิวซีแลนด์ เมื่อวันที่ 1 ม.ค.2565 ที่ผ่านมา และประเทศสมาชิก RCEP ที่เหลืออีก 5 ประเทศ ได้เริ่มทยอยยื่นให้สัตยาบันความตกลง RCEP โดยเกาหลีใต้ได้ให้สัตยาบันเมื่อวันที่ 3 ธ.ค.2564 ส่งผลให้ความตกลง RCEP จะมีผลใช้บังคับกับเกาหลีใต้ ในวันที่ 1 ก.พ.2565 และล่าสุด มาเลเซียได้ให้สัตยาบันเมื่อวันที่ 17 ม.ค.2565 ความตกลง RCEP จะมีผลใช้บังคับกับมาเลเซียในวันที่ 18 มี.ค.2565 สำหรับประเทศที่เหลือคาดว่าจะยื่นให้สัตยาบันให้ความตกลงในเร็ว ๆ นี้ และจะมีผลใช้บังคับต่อไป   
         
ทั้งนี้ ในส่วนของไทย นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ให้ความสำคัญกับการเตรียมการรองรับการมีผลบังคับใช้ของ RCEP อย่างเต็มที่ โดยได้เร่งรัดให้หน่วยงานภาครัฐดำเนินการกระบวนการภายใน ในส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถใช้สิทธิประโยชน์จาก RCEP กับเกาหลีใต้และมาเลเซียที่กำลังจะมีผลบังคับใช้

สำหรับเกาหลีใต้จะยกเว้นภาษีสินค้าให้ไทย 90.7% ของรายการสินค้าทั้งหมด โดยยกเว้นภาษีทันที 7,843 รายการ ในวันที่ 1 ก.พ.2565 และยังเปิดตลาดเพิ่มเติมให้กับสินค้าไทย 413 รายการ จากที่เคยให้ไทยภายใต้ FTA อาเซียน-เกาหลี เช่น ผักผลไม้แปรรูปและไม่แปรรูป น้ำมันที่ได้จากพืช ของปรุงแต่งจากธัญพืช แป้งมันสำปะหลัง สินค้าประมง พลาสติก เครื่องแก้ว ชิ้นส่วนอุปกรณ์ไฟฟ้า เคมีภัณฑ์ ด้ายทำด้วยยางวัลแคไนซ์ รถจักรยาน เครื่องยนต์เรือและส่วนประกอบ กระเบื้อง ซีเมนต์ เป็นต้น ซึ่งมีทั้งที่เริ่มยกเว้นภาษีในวันที่ 1 ก.พ.2565 และที่ทยอยลดและยกเว้นภาษีภายใน 10-20 ปี     
         


นอกจากการเปิดตลาดด้านการค้าสินค้าภายใต้ความตกลง RCEP ในส่วนการเปิดตลาดการค้าบริการ จะช่วยสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยเข้าไปลงทุนในเกาหลีใต้ในสาขาที่ไทยมีศักยภาพ เช่น ธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับภาพยนตร์และบันเทิง ประเภทเทคนิคตัดต่อภาพและเสียง และการผลิตแอนิเมชัน ตลอดจนธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว บริการด้านสิ่งแวดล้อม และเกมส์ออนไลน์
         
ส่วนมาเลเซีย จะยกเว้นภาษีสินค้านำเข้าให้ไทย 90% ของรายการสินค้าทั้งหมด โดยในวันที่ 18 มี.ค.2565 จะยกเว้นภาษีทันทีถึง 6,590 รายการ เช่น ยางธรรมชาติและน้ำยางธรรมชาติ วงจรรวมที่ใช้ในทางอิเล็กทรอนิกส์และส่วนประกอบ ฮาร์ดดิสก์ไดรว์ วงจรพิมพ์ อาหารสุนัขหรือแมว อาหารปรุงแต่งสำหรับทารก น้ำมันเนื้อในเมล็ดปาล์ม เครื่องยนต์ และเม็ดพลาสติก (โพลิคาร์บอเนต) เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ในฐานะสมาชิกอาเซียน มาเลเซียได้เปิดเสรีการค้าสินค้า การค้าบริการ และการลงทุนระหว่างกันมากกว่าที่เปิดให้ประเทศนอกกลุ่มภายใต้ความตกลงอาเซียนอยู่แล้ว ผู้ส่งออกของไทยจึงมีทางเลือกในการใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ความตกลงอาเซียน หรืออาเซียน+1 อื่น ที่มาเลเซียลดภาษีให้ไทยมากกว่า หรือภายใต้ความตกลง RCEP เพื่อใช้ประโยชน์จากการสะสมถิ่นกำเนิดสินค้า

ในปี 2564 เกาหลีใต้เป็นคู่ค้าอันดับ 10 ของไทย มีมูลค่าการค้ารวม 15,801.79 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 2.93% ของการค้ารวมของไทยกับโลก เป็นการส่งออก 5,882.98 ล้านเหรียญสหรัฐ และการนำเข้า 9,918.80 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่มาเลเซียเป็นคู่ค้าอันดับ 5 ของไทย มีมูลค่าการค้ารวม 24,076.37 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 4.47% ของการค้ารวมของไทยกับโลก เป็นการส่งออก 12,058.24 ล้านเหรียญสหรัฐ และการนำเข้า 12,018.14 ล้านเหรียญสหรัฐ
         
ผู้ประกอบการที่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถสอบถามอัตราภาษีศุลกากรภายใต้ความตกลง RCEP ได้ที่ศูนย์ RCEP Center กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ และยังได้จัดทำ E-Book ความตกลง RCEP ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เพื่อให้ผู้สนใจนำไปใช้ได้อย่างสะดวก โดยสามารถเข้าไปสืบค้นได้ที่เว็บไซต์ www.dtn.go.th


 

ติดตามข่าวสารแบบฉับไว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
ติดตามข่าวสารผ่าน Twitter
กดคลิก Follow ด้านล่าง