​“จุรินทร์”สั่งตั้ง กรอ.พาณิชย์ ดึงภาคเอกชนร่วมแก้ปัญหาและขับเคลื่อนการส่งออก

img

“จุรินทร์” สั่งตั้ง “กรอ.พาณิชย์” ดึงภาคเอกชนและทุกหน่วยงานของพาณิชย์ ถกปัญหา-อุปสรรคส่งออก หวังเป็นเวทีแก้ปัญหา และผลักดันให้ส่งออกไทยขยายตัว พร้อมย้ำประกันรายได้ ช่วยเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรได้จริง และดันเศรษฐกิจฐานรากให้เติบโตได้ ยันไม่ต้องห่วงทุจริต อุดช่องโหว่ได้แน่ เดินหน้าใช้มาตรการกำกับดูแลยา เวชภัณฑ์ และบริการทางการแพทย์ต่อเนื่อง

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้สถานการณ์ส่งออกของไทยน่าเป็นห่วงมาก เพราะมูลค่าติดลบอย่างต่อเนื่อง จึงได้สั่งการให้นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เร่งรัดจัดตั้งคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนกระทรวงพาณิชย์ (กรอ.พาณิชย์) ประกอบด้วย สมาคมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการส่งออก เช่น สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) สมาคมธนาคารไทย สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เป็นต้น และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกระทรวงพาณิชย์ โดยมีตนเป็นประธาน เพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และเสนอแนะปัญหาและอุปสรรคด้านการส่งออก เพื่อผลักดันให้การส่งออกของไทยในปีนี้ขยายตัวได้มากขึ้น

“ตั้งใจว่าจะมีการประชุมกรอ.พาณิชย์ทุกเดือน และน่าจะประชุมนัดแรกได้ในสัปดาห์หน้า เพื่อให้ภาคเอกชนมาเล่าให้ฟังว่ามีปัญหาด้านการส่งออกอย่างไร และมีอะไรที่ต้องการให้กระทรวงฯ ช่วยเหลือบ้าง ซึ่งอะไรที่สามารถแก้ไขได้เอง ก็จะดำเนินการให้ทันที แต่ถ้าเป็นเรื่องของกระทรวงฯ อื่นก็จะประสานงานให้ รวมถึงถ้าจะต้องเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบ ก็จะดำเนินการให้เช่นเดียวกัน เพื่อทำให้การส่งออกขยายตัวให้ได้ เพราะภาคเอกชนเป็นผู้ทำตลาด ภาครัฐมีหน้าที่ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่”นายจุรินทร์กล่าว

สำหรับปัญหาของภาคการส่งออกไทยในขณะนี้ มีทั้งเรื่องของผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ปัญหาเศรษฐกิจโลกชะลอตัว รวมถึงปัญหาค่าเงินบาทแข็งค่า ส่วนเป้าหมายมูลค่าการส่งออกปีนี้ที่กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าไว้ที่ 3% ยังไม่อยากให้พูดว่าจะมีการทบทวนใหม่หรือไม่ เพราะต้องหารือกับผู้ที่เกี่ยวข้องและภาคเอกชนก่อน

นายจุรินทร์กล่าวว่า สำหรับการประกันรายได้เกษตรกร จะเป็นอีกหนึ่งมาตรการที่จะเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร ซึ่งจะประกันรายได้ให้กับเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลัง เหมือนที่ผ่านมา และจะเพิ่มอีก 2 สินค้า คือ ปาล์มน้ำมัน และยางพารา ส่วนจะประกันรายได้ให้กับเกษตรกรเท่ากับที่พรรคประชาธิปัตย์ได้หาเสียงไว้หรือไม่นั้น เช่น ยางพารา ไม่ต่ำกว่ากิโลกรัม (กก.) ละ 60 บาท ปาล์มน้ำมันกก.ละ 4 บาท ข้าวเปลือกเจ้า ตันละ 10,000 บาท ข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 15,000 บาท คงต้องพิจารณาสถานการณ์ตามความเหมาะสม และต้องเสนอให้รัฐบาลพิจารณาในขั้นสุดท้าย

“ประกันรายได้ จะเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรได้อย่างแท้จริง เพราะเมื่อรายได้ของเกษตรกรต่ำกว่าที่รัฐประกันเอาไว้ รัฐก็จะจ่ายเงินชดเชยให้ เช่น ยางพารา ถ้ารัฐประกันไว้ว่าเกษตรกรจะขายได้ที่กก.ละ 60 บาท แต่ถ้าขายได้ 50 บาท รัฐก็จะจ่ายส่วนต่างชดเชยให้ ถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากอีกวิธีหนึ่ง และไม่ต้องกลัวจะเกิดการรั่วไหล หรือทุจริต เพราะทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องอุดช่องโหว่ไม่ให้เกิดทุจริต แต่ถ้ามีการทุจริตเกิดขึ้น จะถูกดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด” 

ส่วนมาตรการกำกับดูแลยา เวชภัณฑ์ และบริการทางการแพทย์ คงต้องเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นมาตรการที่มีผลบังคับใช้ตามกฎหมายแล้ว

>>>ติดตามข่าวสารพาณิชย์แบบฉับไว ส่งตรงถึงมือถือได้ที่ http://line.me/ti/p/%40uld0329i
>>>ติดตามข่าวสารพาณิชย์ ผ่านทวิตเตอร์ https://twitter.com/CNAOnlineTwit  
 

ติดตามข่าวสารแบบฉับไว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
ติดตามข่าวสารผ่าน Twitter
กดคลิก Follow ด้านล่าง