กรมการค้าต่างประเทศเผยการส่งออกข้าวไตรมาสสุดท้ายของปี 61 มีแนวโน้มสดใส ออร์เดอร์ทะลัก ทั้งส่งมอบข้าวจีทูจีจีน 1 แสนตัน ประมูลขายให้ฟิลิปปินส์ 7.5 แสนตัน คาดไทยชิงส่วนแบ่งได้แน่ และยังมีส่งญี่ปุ่น 8.7 หมื่นตัน รวมถึงมีคำสั่งซื้อจากประเทศอื่นๆ อีก มั่นใจทั้งปีเข้าเป้า 11 ล้านตัน หลังยอดส่งออกเกือบ 10 เดือนทำได้แล้ว 8.932 ล้านตัน
นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า แนวโน้มการส่งออกข้าวไทยในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2561 (ต.ค.-ธ.ค.) จะยังคงขยายตัวได้ดี โดยมีคำสั่งซื้อข้าวจากต่างประเทศเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทำให้เป้าหมายการส่งออกข้าวทั้งปี 2561 ที่ประเมินไว้ที่ 11 ล้านตันจะทำได้แน่นอน เพราะตัวเลขการส่งออกเกือบ 10 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-19 ต.ค.2561 ทำได้แล้ว 8.932 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 2.71% คิดเป็นมูลค่า 4,606 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 21.20% และคิดเป็นเงินบาท 147,346 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.56%
ปัจจัยที่จะทำให้การส่งออกข้าวเป็นไปตามเป้า มาจากไทยยังมีค้างส่งมอบข้าวภายใต้สัญญารัฐต่อรัฐ (จีทูจี) กับจีนในงวดที่ 6 ภายใต้สัญญา 1 ล้านตัน เป็นข้าวขาว 5% ปริมาณ 1 แสนตัน มูลค่า 1,400 ล้านบาทอยู่ คาดว่าจะส่งมอบได้เสร็จภายในกลางเดือนพ.ย.2561 และยังนได้มีหนังสือถึงจีน เพื่อเร่งรัดให้เจรจาเรื่องราคาและการส่งมอบข้าว 1 แสนตันงวดที่ 7 ด้วย หากตกลงกันได้ ก็จะช่วยกระตุ้นการส่งออกได้
นอกจากนี้ ยังมีแนวโน้มว่าไทยจะชนะการประมูลขายข้าวให้กับฟิลิปปินส์ โดยปีนี้ฟิลิปปินส์ตั้งเป้าเปิดประมูล 3 ครั้งๆ ละ 2.5 แสนตัน รวม 7.5 แสนตัน โดยเปิดประมูลครั้งแรกไปแล้ววันที่ 18 ต.ค.2561 กำหนดส่งมอบเดือนพ.ย.2561 ซึ่งไทยชนะประมูล 1.8 หมื่นตัน เวียดนาม 2.8 หมื่นตัน ส่วน 2 ครั้งหลัง กำหนดส่งมอบภายในมี.ค.2562 โดยฟิลิปปินส์น่าจะเปิดประมูลอีกในเร็วๆ นี้ โดยนำข้าวที่ยังไม่ครบจากครั้งที่ 1 มาเปิดประมูลด้วย และยังขายข้าวให้กับญี่ปุ่นที่เปิดประมูลมาตั้งแต่ก.ค.-ต.ค.2561 ได้กว่า 8.7 หมื่นตัน
“นอกจากการส่งมอบข้าวภายใต้สัญญาจีทูจี และแนวโน้มที่ไทยจะชนะประมูลขายข้าวให้กับฟิลิปปินส์ ยังมีคำสั่งซื้อข้าวจากตลาดต่างๆ เข้ามายังภาคเอกชนอย่างต่อเนื่อง ทำให้เป็นผลดีต่อสถานการณ์ตลาดข้าวเปลือกของไทยที่กำลังออกสู่ตลาด ที่จะมีราคาสูงขึ้น โดยล่าสุดราคาข้าวเปลือกเจ้าอยู่ที่ตันละ 7.6-7.7 พันบาท ข้าวเปลือกหอมมะลิตันละ 1.4-1.7 หมื่นบาท ขณะที่ราคาส่งออก FOB ข้าวขาวตันละ 413 เหรียญสหรัฐ และข้าวหอมมะลิตันละ 1,114 เหรียญสหรัฐ”นายอดุลย์กล่าว
นายอดุลย์กล่าวว่า สำหรับการสร้างความเชื่อมั่นและขยายตลาดข้าวไทย กรมฯ มีแผนที่จะจัดประชาสัมพันธ์ข้าวไทยในตลาดต่างๆ โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิ ข้าวคุณลักษณะพิเศษ เช่น ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ข้าวสังข์หยด และข้าว กข43 และผลิตภัณฑ์จากข้าว ได้แก่ การจัดคณะผู้แทนการค้าข้าวไปเจรจากับผู้นำเข้าฮ่องกง และเชิญผู้นำเข้าข้าวฮ่องกงมาเจรจาซื้อขายข้าวกับผู้ส่งออกไทย การจัดคณะผู้แทนการค้าไปเจรจาขยายตลาดข้าวไทยที่สิงคโปร์ ฝรั่งเศส อังกฤษ สหรัฐฯ แคนาดา แอฟริกา และโอเชียเนีย การเข้าร่วมงานไชน่า อาเซียน เอ็กซ์โป ครั้งที่ 11 และมีแผนที่จะเข้าร่วมงานแสดงสินค้า เช่น Biofach 2019 ที่เยอรมนี งาน Sial ที่ปารีส ส่วนในประเทศมีกำหนดจัดงานไทยแลนด์ ไรซ์ คอนเวนชันในปี 2562 เป็นต้น
ส่วนกรณีข้าวอังกอร์ของกัมพูชาและข้าวหอมเวียดนาม ได้ลำดับที่ 1 และ 2 ในการประกวดข้าวดีเด่นของโลกปี 2561 และข้าวหอมมะลิไทยได้อันดับ 3 นั้น การตัดสินขึ้นอยู่กับรสนิยมของกรรมการเป็นหลัก ที่ใช้เกณฑ์ตัดสิน ได้แก่ ด้านกลิ่น รสชาติ ความเหนียวนุ่ม และรูปร่าง แต่ไม่ได้สะท้อนคุณภาพที่แท้จริงของข้าว โดยข้าวหอมมะลิไทยยังคงเป็นที่ต้องการของตลาดโลก และยังคงส่งออกได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
***ติดตามข่าวสารพาณิชย์แบบฉับไว ส่งตรงถึงมือถือได้ที่ http://line.me/ti/p/%40uld0329i
***ติดตามข่าวสารพาณิชย์ ผ่านทวิตเตอร์ https://twitter.com/CNAOnlineTwit
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
กดคลิก Follow ด้านล่าง