​DITP โปรโมตสินค้าไทยมิติใหม่

img

ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา “กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP” ได้สร้างมิติใหม่ในการสร้าง “การรับรู้” และสร้าง “ภาพลักษณ์” ให้กับสินค้าและบริการของไทย
         
สิ่งที่เกิดขึ้น พูดได้ว่า “แหวก” และ “แปลกแนว” ไปจากเดิมค่อนข้างมาก
         
หนึ่ง คือ การเปิดตัวคอลเลกชัน “กิโมโนผ้าไทย
         
สอง คือ การเปิดตัวสินค้าและบริการไทยผ่านสื่อ “มังงะ” และ “กาชาปอง
         
ทั้งสองเหตุการณ์นี้ เกิดขึ้นใน “ตลาดญี่ปุ่น” ที่ขึ้นชื่อว่า “เจาะได้ยาก” ตลาดหนึ่ง
         
โดยการผลิต “ชุดกิโมโน” ว่ากันว่า ญี่ปุ่นจะใช้ผ้าของตัวเองเป็นหลักในการตัดเย็บ ทั้งผ้าไหม ผ้าฝ้าย ผ้าลินิน ผ้าขนสัตว์ และเริ่มมีการใช้ผ้าที่ทำจากเส้นใยสังเคราะห์บ้าง เพราะดูแลรักษาง่ายและทนทาน
         
ที่ผ่านมา ไม่ปรากฏว่าญี่ปุ่นมีการใช้ผ้าจากประเทศอื่นมาใช้ตัดเย็บ แต่ขณะนี้ “ผ้าไทย” สามารถเจาะเข้าไปได้แล้ว  
         
เรื่องนี้ ต้องย้อนกลับไป โดยมีจุดเริ่มต้น คือ DITP โดยสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงโตเกียว ได้ร่วมมือกับ บริษัท OMIYA จำกัด ผู้ค้าผ้ากิโมโนรายสำคัญของนครเกียวโต จัดทำโครงการ “Thai Kimono Project
         
โครงการนี้ เป็น “ความร่วมมือ” ที่มุ่งนำเสนอมิติใหม่ของ “ความงาม” จากสองวัฒนธรรม ระหว่าง “ศิลปะงานทอผ้า” อันล้ำค่าของไทย และ “ศิลปะแห่งการสร้างสรรค์กิโมโน” ที่สืบทอดกันมายาวนานของญี่ปุ่น
         
โดยใช้ “ผ้าทอไทย” จากโครงการ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” ใน “สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา”  
         
จากนั้น บริษัท OMIYA ได้คัดสรรผ้าทอที่เหมาะสมกับคุณสมบัติของผ้ากิโมโน 3 กลุ่ม ได้แก่ 1.กิโมโนผ้าไทยจากผ้าทอพื้นถิ่นดอนกอยและนาหว้า 2.กิโมโนผ้าไทยจากแหล่งผลิตอื่นทั่วประเทศ และ 3.กิโมโนผลิตในญี่ปุ่นด้วยด้ายไหมไทยจากชุมชน
         


จนในที่สุดโครงการนี้ ก็ประสบผลสำเร็จ โดย “น.ส.สุนันทา กังวาลกุลกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP)” พร้อมด้วย “ดร.อนุชา ทีรคานนท์ ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ SACIT” และ “นาย Shinya Fusamoto, CEO บริษัท OMIYA จำกัด” ได้ร่วมเปิดตัวคอลเลกชัน “กิโมโนผ้าไทย” อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 25 พ.ย.2568 ที่ผ่านมา ที่สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว
         
น.ส.สุนันทาบอกว่า นับเป็นก้าวสำคัญในการต่อยอดงานหัตถกรรมไทยสู่สินค้าแฟชันระดับนานาชาติ โดยเฉพาะตลาดญี่ปุ่น ซึ่งให้ความสำคัญกับงานฝีมือ ลวดลายดั้งเดิม และคุณค่าทางวัฒนธรรม โดยผ้าไทยไม่ใช่เพียงความงามทางวัฒนธรรม แต่เป็นสินค้าที่มีศักยภาพเชิงเศรษฐกิจระดับโลกได้ เนื่องจากกิโมโน คือ สัญลักษณ์วัฒนธรรมของญี่ปุ่น การผสมผสานผ้าไทยเข้าไปจึงช่วยเพิ่มสีสันใหม่ให้แฟชันดั้งเดิม
         
ทั้งนี้ ชุดกิโมโนผ้าไทยล็อตแรก จะวางจำหน่ายทั่วญี่ปุ่นในช่วงต้นเดือน มี.ค.2569 โดยล่าสุดมียอดคำสั่งซื้อเข้ามาแล้วกว่า 516 คำสั่งซื้อ คิดเป็นมูลค่ากว่า 2.4 ล้านบาท และคาดว่าการสั่งซื้อจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
         
น.ส.สุนันทายังบอกอีกว่า DITP จะไม่หยุดเพียงแค่นี้ ได้เตรียมผลักดันหัตถกรรมไทยไปสู่สินค้าไลฟ์สไตล์อื่น ๆ เช่น เฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งบ้าน เครื่องครัว สินค้าแฟชัน และสินค้าวัฒนธรรม โดยจะทำงานร่วมกับดีไซเนอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านนวัตกรรม และพันธมิตรต่างประเทศ เพื่อยกระดับดีไซน์คุณภาพให้แข่งขันได้ในตลาดโลกต่อไป
         
ส่วนการเจาะตลาดสินค้าและบริการไทยผ่าน “มังงะ” และ “กาชาปอง” เป็นความร่วมมือระหว่าง DITP กับบริษัท MIARAWASHIYA LLC บริษัทผลิตการ์ตูนรายใหญ่ และบริษัท KENELEPHANT จำกัด ผู้ผลิตของเล่นแคปซูลรายใหญ่ของญี่ปุ่น
         
โดยขณะนี้มีความคืบหน้าเป็นอย่างมาก กล่าวคือ นักวาดการ์ตูนชื่อดัง Mariko Kobayashi ได้เดินทางมาเก็บข้อมูลเพื่อถ่ายทอดเรื่องราว “ผ้าไทย” ภายใต้โครงการ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” และนำไปสร้างเป็นมังงะเผยแพร่ในญี่ปุ่นแล้ว
         
ผลงานล่าสุด คือ “Soi Story Mangaka wa Thai no Roji–Soi–wo Yuku” ตีพิมพ์ไปแล้ว 10,000 เล่ม และวางขายผ่านออนไลน์ อยู่ระหว่างการตีพิมพ์เพิ่ม เพราะได้รับการตอบรับเชิงบวกของผู้อ่านชาวญี่ปุ่นที่สนใจประเทศไทยเป็นอย่างมาก
         


สำหรับตูกาชาปอง ได้เปิดตัวซีรีส์แรกในเดือน พ.ย.2568 มีสินค้า 5 รายการ ผลิต 25,000 ชิ้น อาทิ คาแรกเตอร์น้องมะม่วง เบียร์ช้าง เงาะกระป๋อง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาม่า และรถไฟไทย วางจำหน่ายในร้าน KENELEPHANT ทุกสาขาและร้านกาชาปองทั่วประเทศ เช่น ชิมบาชิ อากิฮาบาร่า อุเอะโนะ โยโกฮาม่า นาโกยา ซัปโปโร เกียวโต รวมถึงสนามบินฮาเนดะ เป็นต้น
         
การนำเสนอเสน่ห์และอัตลักษณ์ของไทยผ่านคอนเทนต์ญี่ปุ่นยอดนิยม ทั้งมังงะและกาชาปอง เป็นกลยุทธ์สำคัญที่สามารถเข้าถึงผู้บริโภคหลากหลายวัย และสร้างความผูกพันระหว่างผู้บริโภคญี่ปุ่นกับสินค้าไทยได้อย่างทั่วถึง”น.ส.สุนันทากล่าว
         
นอกจากนี้ DITP ยังได้เตรียม “ต่อยอด” ความสำเร็จ โดยจะร่วมมือกับบริษัท Tatsunoko Production จำกัด ซึ่งเป็นหนึ่งในสตูดิโอแอนิเมชันที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่น ทำมังงะถ่ายทอดเรื่องราวสินค้าและบริการไทยเพื่อเจาะกลุ่มคนที่เพิ่งเริ่มทำงานครั้งแรก (First Jobber) ชาวญี่ปุ่น
         
การดำเนินการ ก็คือ จะดึงดาราและอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังชาวญี่ปุ่น มาร่วมเป็นตัวละครนำในมังงะชุดนี้ และจะเริ่มเปิดตัวได้ภายในช่วงต้นปีหน้า คาดว่า จะช่วยสร้างกระแสของสินค้าไทยในตลาดญี่ปุ่นได้เป็นอย่างมากอีกระลอกหนึ่ง
         
การสร้างการรับรู้ “สินค้า” และ “บริการไทย” ผ่าน “กิโมโน-มังงะ-กาชาปอง” ต้องยอมรับว่าเป็น “มิติใหม่” จากการใช้ “จุดแข็ง” หรือสิ่งที่คนในประเทศนั้น ๆ “ชื่นชอบ” และ “รู้จัก” เป็นอย่างดีอยู่แล้ว มาใช้ให้เกิดประโยชน์ ด้วยการเอาสินค้าและบริการไทยแทรกเข้าไป  
         
ต้องชื่นชม “อธิบดี” และ “ทูตพาณิชย์

ที่ช่วยกันสร้างผลงาน “สุดปัง” ในครั้งนี้  
 
ซีเอ็นเอ

ติดตามข่าวสารแบบฉับไว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
ติดตามข่าวสารผ่าน Twitter
กดคลิก Follow ด้านล่าง