“ปลูกกล้วย” ทางเลือกเพิ่มรายได้

img

สัปดาห์ที่ผ่านมา เกิด “ดรามา” สำหรับ “ข้อเสนอ” ในการ “เพิ่มรายได้” ให้กับเกษตรกร เมื่อ “นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์” ตอบ “กระทู้ถามสด” เรื่อง “การแก้ไขปัญหาราคาข้าวตกต่ำ” ในสภาผู้แทนราษฎร
         
นายพิชัย บอกว่า “กระทรวงพาณิชย์” มีมาตรการในการเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร ระยะกลาง ระยะยาว ซึ่งหนึ่งในนั้น ก็คือ การปรับเปลี่ยนพื้นที่ “ปลูกข้าว” เป็น “ปลูกกล้วย
         
เหตุผล” เพราะตอนไปญี่ปุ่น ทราบว่าตลาดญี่ปุ่น ต้องการ “กล้วยหอม” นับล้านตันต่อปี และไทยที่ได้โควตาภายใต้ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น (JTEPA) ถึงปีละ 8,000 ตัน แต่ส่งออกไปแค่ปีละ ไม่กี่พันตัน ยังมีช่องว่างให้ส่งออกได้อีกมาก
         
ตอนนี้ ได้เริ่ม “ทดลองปลูก” ที่ จ.นครราชสีมา จำนวน 150,000 ต้น เพื่อทำให้เห็นว่า “ได้ผลตอบแทน” สูงขึ้นจริง ๆ ประเมินไว้ว่า น่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นสูงถึง 100,000 บาทต่อไร่ และหวังว่า เกษตรกรจะหันมาปลูกพืชเศรษฐกิจที่มีราคาสูง จะได้มีรายได้เพิ่มขึ้นแบบยั่งยืน
         
ทว่า สิ่งที่เกิดขึ้นจากนั้น ก็คือ นายพิชัย โดนนำคำพูดบางส่วนไปโค้ดพาดหัว ทำให้ “เกษตรกร” แสดงความ “ไม่เห็นด้วย” และ “คัดค้าน” กันอย่างหนักว่าเป็นแนวทางที่ไม่ถูกต้อง   
         
จนนายพิชัย ต้องออกมาอธิบายอีกครั้งว่า “ไม่มีนโยบาย” ให้ปรับเปลี่ยนการปลูกข้าวเป็นปลูกกล้วย แต่เป็นมาตรการระยะกลางและระยะยาว ที่จะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร โดยวางระบบการเกษตรให้เหมาะสมกับสภาพตลาดและศักยภาพของแต่ละพื้นที่

การปลูกกล้วย เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งของพืชเศรษฐกิจที่มีศักยภาพในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดญี่ปุ่นที่มีมูลค่าทางการตลาดสูง ถ้าพื้นที่ไหนเหมาะสม ปลูกกล้วยได้ ก็ให้ปลูก ไม่ได้ว่าให้เปลี่ยน อย่างนั้นแค่คิดก็ผิดแล้ว เพียงให้เป็นทางเลือกเท่านั้น
         


ขณะที่ “นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงพาณิชย์” ออกมาชี้แจงซ้ำว่า ที่รัฐมนตรีเสนอมา เป็นเรื่องระยะกลาง ระยะยาว และเป็นทางเลือก ไม่ใช่ว่าจะให้เลิกปลูกข้าวแล้วไปปลูกกล้วย เพราะการเพาะปลูก ก็ต้องดูพื้นที่ให้เหมาะสม เป็นเรื่องที่กระทรวงพาณิชย์จะเข้าไปช่วยดู ต้องดูเรื่องโซนนิ่ง ถ้าพื้นที่ไหนเหมาะสม ก็ทำ ไม่เหมาะสม ก็ทำไม่ได้
         
ทั้งนี้ แม้จะเป็นเรื่องระยะยาว แต่ก็ต้องเริ่มทำทันที พื้นที่ไหนเหมาะสม ก็เริ่มทำ ตอนนี้ ได้เริ่มทำไปแล้ว จะทำให้เห็นว่า เมื่อปรับเปลี่ยน รายได้เพิ่มขึ้นจริง ไม่ใช่แค่ปลูกกล้วย แต่ยังมีพืชเศรษฐกิจชนิดอื่น ๆ ที่จะส่งเสริมอีกหลายตัว
         
สำหรับ “มาตรการช่วยเหลือข้าวนาปรัง 2568” ที่เกษตรกรต่างติดตาม มีความคืบหน้าล่าสุด คือ กระทรวงพาณิชย์กำลังสรุปมาตรการ หลังจากที่ได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) โดยคาดว่า จะเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายใน 1-2 สัปดาห์นี้
         
มาตรการที่ว่า ก็คือ การสนับสนุนเงินช่วยเหลือ 1,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 10 ไร่ หรือสูงสุด 10,000 บาท ซึ่งจะเป็นเงินช่วยลดผลกระทบจากราคาข้าวตกต่ำ จากการที่อินเดียกลับมาส่งออกข้าว และประเทศผู้ซื้อข้าวหลายประเทศ นำเข้าข้าวลดลง ทำให้ราคาข้าวตลาดโลกลดลง และกระทบต่อราคาขายข้าวเปลือกของเกษตรกร แต่มีเงื่อนไข เกษตรกร จะต้องปรับเปลี่ยนจากการปลูกข้าวนาปรังไปเป็นพืชเศรษฐกิจอื่น หรือถ้าจะยังปลูกข้าว ก็ต้องใช้ข้าวพันธุ์ดี เพื่อให้ผลผลิตต่อไร่สูงขึ้น
         
ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ “สอดรับ” กับสิ่งที่นายพิชัยเสนอ เพราะเรื่องนี้ นบข. เองก็ให้ตั้งคณะทำงานขึ้นมา 1 ชุด มี “พาณิชย์-เกษตร-มหาดไทย” ร่วมกันทำงาน
         
ส่วนการ “หาตลาด” รองรับผลผลิตข้าวนาปรัง นายพิชัยได้หารือกับ “เอกอัครราชทูตจีน ประจำประเทศไทย” เพื่อผลักดันส่งออกข้าวไทยไปยังตลาดจีนเพิ่มขึ้น และขอให้เร่งซื้อข้าวจีทูจีที่ค้างอยู่ 2.8 แสนตัน รวมทั้งจะมีการลงนามซื้อขายข้าวกับแอฟริกา ในช่วงปลายเดือน มี.ค.นี้ คาดว่า จะทำได้สูงถึง 3.9 แสนตัน และยังจะเร่งเจรจาประเทศอื่น ๆ ให้ซื้อข้าวไทยเพิ่มขึ้น
         


ขณะเดียวกัน ได้ร่วมมือกับ “สมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทย” ทำข้าวถุงราคาประหยัดขายผ่านช่องทาง “โมเดิร์นเทรด” เพื่อช่วยดูดซับข้าวผลผลิตข้าวและช่วยพยุงราคา
         
นอกจากนี้ ยังมีแผนเจรจากับประเทศผู้ส่งออก เช่น อินเดียและเวียดนาม เพื่อช่วยรักษาเสถียรภาพของ “ราคาข้าวในตลาดโลก” 
         
ทางด้านการลดต้นทุนและควบคุมปัจจัยการผลิต “นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน” บอกว่า ได้มีการติดตามสถานการณ์และราคาจำหน่าย “ปุ๋ย” และ “ยาปราบศัตรูพืช” อย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้มีการปรับขึ้นราคาโดยไม่สมเหตุสมผล และการ “ลดราคา” มี 2 ส่วนที่จะดำเนินการ  
         
หนึ่ง ร่วมมือกับผู้ผลิต จำหน่ายปุ๋ยและยาปราบศัตรูพืชราคาพิเศษ ผ่านกลไกของสหกรณ์
         
สอง ประสานผู้ผลิต จัดโปรโมชันลดราคาผ่านกิจกรรม “ธงฟ้าราคาประหยัด” โดยได้เตรียมการจัดครอบคลุมทุกพื้นที่ และครอบคลุมสินค้าเกษตรอื่น ๆ ด้วย
         
จาก “ดรามา” ที่เกิดขึ้น หากเปิดใจรับฟัง และไม่มีอคติจนเกินไป จะเห็นได้ว่า “กระทรวงพาณิชย์” หวังดี และไม่ได้มี “เจตนาร้าย” มีแต่อยากให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น
         
ผู้เขียน ไม่ได้ “เข้าข้าง” หรือ “แก้ตัว” แทนกระทรวงพาณิชย์
         
แต่เมื่อ “ชี้แจงมาแล้ว” ก็เอามานำเสนอ

อยากให้ทราบ “ที่มา-ที่ไป” ของประเด็น “ปลูกกล้วยแทนปลูกข้าว” ซึ่งเป็น “ทางเลือกหนึ่ง” ในการ “เพิ่มรายได้” ให้กับเกษตรกรเท่านั้น
 
ซีเอ็นเอ  

ติดตามข่าวสารแบบฉับไว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
ติดตามข่าวสารผ่าน Twitter
กดคลิก Follow ด้านล่าง