​กรมทรัพย์สินทางปัญญาบูมสินค้า GI

img

สัปดาห์ที่ผ่านมา “น.ส.นุสรา กาญจนกูล อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา” ได้เปิดแถลงข่าว “ทิศทางการทำงาน” ของกรมทรัพย์สินทางปัญญา ในปี 2568 ไปแล้ว
         
สรุปสั้น ๆ ง่ายๆ ได้ใจความ จะให้ “ความสำคัญ” กับ “ทุกเรื่อง” ที่อยู่ใน “ความรับผิดชอบ
         
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องลิขสิทธิ์ สิทธิบัตร เครื่องหมายการค้า การป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา การส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินทางปัญญา การขับเคลื่อน Soft Power การส่งเสริมสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) การแก้ไขและผลักดันกฎหมาย และการผลักดันให้ไทยหลุดจากบัญชีประเทศที่ถูกจับตามอง (WL) ตามมาตรา 301 พิเศษของสหรัฐฯ
         
เรา ๆ ท่าน ๆ คงได้เห็นข่าว อ่านข่าว ผ่านหู ผ่านตา กันไปบ้างแล้ว
         
วันนี้ ผู้เขียนขอ “เจาะลึก” เฉพาะเรื่องสินค้า GI เพราะเห็นถึง “ความแปลกใหม่” และ “ความน่าสนใจ” จากการที่ “กรมทรัพย์สินทางปัญญา” มีแผนงานในหลากหลายรูปแบบที่จะนำมาใช้ในการ “ขยายตลาด” และ “สร้างการรับรู้” ให้กับสินค้า GI ของไทย

โดยแผนงานในปี 2568 ในส่วนของการ “เพิ่มจำนวน” สินค้า GI ได้ “ตั้งเป้า” ขึ้นทะเบียนให้ได้อย่างน้อย 22 สินค้า และทั้ง 22 รายการนี้ จะ “สร้างรายได้” ให้ชุมชนกว่า 6,000 ล้านบาท

ส่วนการขึ้นทะเบียน GI ในต่างประเทศ มีแผน “ยื่นจด” ที่ “ญี่ปุ่น” และมีสินค้าเป้าหมาย คือ กล้วยหอมทองหนองบัวแดง จังหวัดชัยภูมิ มะม่วงน้ำดอกไม้สีทองพิษณุโลก และมะขามหวานเพชรบูรณ์

สำหรับการ “สร้างชื่อ” ให้สินค้า GI เป็นที่ “รู้จัก” เพิ่มขึ้น จะผลักดันและส่งเสริม “วัตถุดิบ GI” ให้เป็นส่วนหนึ่งในการทำอาหาร ใน “ร้านอาหาร Thai SELECT” ทั้งในไทยและต่างประเทศ รวมถึง “ร้านอาหารมิชลิน” และ “ร้านอาหาร Fine Dining



ขณะเดียวกัน จะผลักดัน “สินค้า GI พร้อมทาน” เสิร์ฟบน “สายการบินไทย” หรือ “ห้องรับรองพิเศษ” ของสายการบิน เพื่อสร้างการรับรู้ เผยแพร่สินค้า GI และยกระดับสินค้า GI ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ

ทางด้านความร่วมมือกับ “ภาคเอกชน” จะดำเนินการในหลายรูปแบบ ซึ่งปีนี้ จะเห็น “ความว้าว” มากขึ้น

เริ่มจากร่วมมือกับ “บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด” นำสินค้า GI “ถั่วลายเสือแม่ฮ่องสอน” ไปผลิตและวางจำหน่ายผ่านช่องทางต่าง ๆ ภายใต้แบรนด์ “เถ้าแก่น้อย” และจะขยายไปสู่สินค้า GI รายการอื่น ๆ เพิ่ม

ร่วมมือกับ “Gourmet Market” ในเครือ The Mall นำสินค้า GI “ข้าวแต๋นลำปาง x น้องหมีเนย” โดยจะพัฒนาบรรจุภัณฑ์ตอบโจทย์ตลาดคนรุ่นใหม่ ภายใต้แบรนด์ “Gourmet Thai

ร่วมมือกับนักออกแบบไทยรุ่นใหม่ “โชน ปุยเปีย” เจ้าของแบรนด์ Shone Puipia ทำการออกแบบ “เครื่องแต่งกาย” ให้กับประติมากรรม “แมนเนเกน พิส” สัญลักษณ์ประจำเมืองบรัสเซลล์ ประเทศเบลเยี่ยม โดยใช้ “ผ้าไหมยกดอกลำพูน” มาตัดเย็บ และนำไปสวมใส่

เรื่องนี้ น.ส.นุสรา บอกว่า ปกติเมืองบรัสเซลล์ จะมีประเพณีเปลี่ยนชุดให้กับแมนเนเกน พิส ซึ่งนักท่องเที่ยวรู้จัก คือ เด็กยื่นฉี่ ไทยเคยนำชุดราชปะแตนไปสวมใส่ให้มาแล้ว ปีนี้จะเป็นอีกครั้งที่ชุดจากไทยจะถูกนำไปสวมใส่ เป็นชุดตัดจากผ้าไหมที่ได้ขึ้นทะเบียน GI ซึ่งจะช่วยเผยแพร่อัตลักษณ์ผ้า GI ไทยให้เป็นที่รู้จัก และเป็นที่แพร่หลายได้มากขึ้น ถือเป็นไฮไลต์ที่ต้องติดตาม  
         
นอกจากนี้ จะร่วมมือกับ “เซ็นทรัล” ผลักดันสินค้า GI เพื่อวางจำหน่ายใน “TOPs ตลาดจริงใจ Famers’ Market” ให้เพิ่มมากขึ้น จากปัจจุบันมีสินค้า GI หมุนเวียนวางจำหน่ายแล้วกว่า 140 รายการ  
         
ร่วมมือกับ “เดอะมอลล์” ผลักดันสินค้า GI วางจำหน่ายใน “Gourmet Market” จากปัจจุบันมีสินค้า GI หมุนเวียนวางจำหน่ายแล้วกว่า 70 สินค้า
           


ส่วนการเพิ่มช่องทางการตลาดอื่น ๆ ให้กับสินค้า GI มีแผนจับมือกับ “ช่อง 3” ประชาสัมพันธ์สินค้า GI และการจัดกิจกรรม ผ่านรายการทีวีช่อง 3 เช่น รายการเรื่องเล่าเช้านี้ รายการผู้หญิงยกกำลังแจ๋ว รายการแซ่บพาซ่าส์ เป็นต้น และจะนำสินค้า GI เข้าร่วมจำหน่ายสินค้าในงาน “แจ๋วแซ่บเฟอร์” ด้วย
         
ร่วมมือกับ “The Cloud” ผู้จัดงานกาแฟที่ใหญ่ลำดับต้นๆ ของประเทศ ขยายช่องทางการตลาดสินค้า GI ในประเภทกาแฟ และข้าว โดยจะเข้าร่วมกิจกรรมแสดงและจำหน่ายสินค้าในงาน Thailand Coffee Fest Year End และ Thailand Rice Fest อย่างต่อเนื่อง
         
ร่วมมือกับ “Born Thailand” แพลตฟอร์มตลาดออนไลน์สำหรับสินค้าชุมชนท้องถิ่นที่มีเอกลักษณ์ทั่วไทย โดยจะผลักดันให้ผู้ผลิตและผู้ประกอบการ GI สามารถจำหน่ายสินค้า GI ในแพลตฟอร์มได้เพิ่มมากขึ้น
         
ร่วมมือกับ “อินฟลูเอนเซอร์” เช่น เสือร้องไห้ ประชาสัมพันธ์สินค้า GI ให้ประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ ได้ตระหนักรู้ถึงสินค้า GI การเข้าถึงเรื่องราวผ่านการนำเสนอสินค้า GI อย่างมืออาชีพ
         
ณ วันนี้ “ทั้งประเทศ” มีสินค้าที่ได้รับการขึ้นทะเบียน GI แล้ว 221 รายการ สร้าง “มูลค่าการตลาด” ได้แล้วไม่ต่ำกว่า 77,000 ล้านบาทต่อปี  
         
โดยสินค้า GI เป็นที่ “ยอมรับ” ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ ว่าเป็น “ของดี-เด่น-ดัง” มี “เอกลักษณ์-อัตลักษณ์” เฉพาะตัว
         
ยิ่ง “กรมทรัพย์สินทางปัญญา” มีแผนขับเคลื่อนสินค้า GI แบบ “จัดหนัก-จัดเต็ม” อย่างนี้
         
เชื่อว่า “สินค้า GI ไทย” จะยิ่ง “เป็นที่รู้จัก” จะยิ่งมีการ “บริโภค” เพิ่มขึ้น และจะยิ่งสร้าง “รายได้” ให้กับเกษตรกร ชุมชน และผู้ผลิตได้มากขึ้น
 
ซีเอ็นเอ

ติดตามข่าวสารแบบฉับไว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
ติดตามข่าวสารผ่าน Twitter
กดคลิก Follow ด้านล่าง