​ขอบคุณ “สมเด็จ สุสมบูรณ์”

img

เมื่อวันที่ 9 ก.ย.2564 ที่ผ่านมา “นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ” ได้เขียนข้อความผ่านกลุ่มไลน์ ความว่า
         
ถึง สพจ. (สำนักงานพาณิชย์จังหวัด) และ สคต. (สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ) ทุกที่
         
ผมได้สิ้นสุดภารกิจที่กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ตั้งแต่วันที่ 9 เดือน 9 พ.ศ.2564 เป็นต้นไป แล้วครับ จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ และมีสิ่งใดที่ผมจะสามารถช่วยงานส่วนรวมได้ ผมยินดีครับ ทั้งนี้ ผมขอส่งบันทึกเรื่องราวของผมที่ได้รวบรวมจากประสบการณ์จากการทำงานของผมระหว่างรับราชการที่กรม มาเพื่ออ่านสบาย ๆ และฝากเรื่องการเชื่อมโยงของระหว่างทั้งสองหน่วยงานด้วยครับ ขอให้ร่วมมือกันทำให้ดียิ่ง ๆ ขึ้น จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ และขอขอบคุณ ทุก สพจ. และ สคต. ที่ให้ความร่วมมือด้วยดีเสมอมา

ขอบคุณครับ
         
สมเด็จ สุสมบูรณ์
         
ข้อความดังกล่าว เป็นการยืนยันว่า “อธิบดีสมเด็จ” ขอ "ลาออก" ก่อนที่จะเกษียณอายุราชการ ในวันที่ 30 ก.ย.2564
         
ขณะที่ข้าราชการกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ได้ให้ข้อมูลว่า “ท่านได้ยื่นใบลาออกแล้วจริง
         
ซีเอ็นเอ” ในฐานะที่เคยทำงาน เคยร่วมงาน และเคยสัมผัสใกล้ชิดกับท่านอธิบดีสมเด็จ ก็ขอให้ท่านประสบความสำเร็จกับสิ่งที่ท่านได้เลือก และมีความสุขกับชีวิตหลังเกษียณ
         
อย่างไรก็ตาม แม้ “ตัวไป” แต่ “ผลงาน” ยังคงอยู่

ซีเอ็นเอ” ขอเขียนให้อ่าน เอาเท่าที่จะพอจำความได้ก็แล้วกัน   
         
อธิบดีสมเด็จ เข้ามารับตำแหน่ง “อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ” เมื่อช่วงปลายปี 2562
         
ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ไทยเจอผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน เจอปัญหาเศรษฐกิจโลกชะลอตัว เงินบาทแข็งค่า ทำให้การส่งออกปี 2562 ทั้งปี ได้รับผลกระทบ ติดลบ 2.65% ต่ำสุดในรอบ 4 ปี
         
การทำงานก็ต้องถือว่า “ท้าทาย” เพราะต้องหาทาง “ฟื้นฟูการส่งออก” ให้กลับมาเป็นบวกให้ได้
         
อธิบดีสมเด็จ ได้ปรับแผนการทำงาน มุ่งเน้นการทำตลาดเชิงรุก ตั้งแต่การปั้นผู้ประกอบการส่งออกเลือดใหม่ การพัฒนาสินค้าและบริการ เพื่อสร้างความต้องการต่อสินค้าไทย การเจาะกลุ่มเป้าหมายใหม่ เช่น ผู้สูงอายุ กลุ่ม Start up กลุ่มชาติพันธุ์ และ Niche Market
         


และเริ่มปูทาง “สู่การค้าออนไลน์” โดยมุ่งทำตลาดขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์
         
พร้อมดำเนินการ “จัดคณะผู้แทนการค้า” เพื่อขยายตลาดเดิม เปิดตลาดใหม่ นำโดย “นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์” หัวหน้าทีมเซลส์แมนประเทศ
         
ช่วงนั้น “กำลังขายกันอย่างมันมือ” แต่ก็มาสะดุด เพราะเกิดการระบาดของ “โควิด-19” ทำให้การจัดกิจกรรมส่งเสริมการส่งออก ต้อง “ปรับแผนใหม่” ทั้งหมด
         
อธิบดีสมเด็จได้ริเริ่มให้มีการนำ “ระบบออนไลน์” มาใช้ เริ่มจาก “อบรมสัมมนาออนไลน์” เพื่อให้ความรู้ด้านการส่งออก ปรับ “งานแสดงสินค้า” เป็น “งานแสดงสินค้าออนไลน์” ปรับ “การเจรจาธุรกิจ” เป็น “การเจรจาจับคู่ธุรกิจออนไลน์
         
ช่วงแรก ๆ ก็ยังไม่วิจิตรพิสดารอะไรมากนัก แต่มาหลัง ๆ ได้ปรับรูปแบบเป็นไฮบริด มีทั้งแสดงสินค้าแบบออฟไลน์และออนไลน์ ไปจนถึงงานแสดงสินค้าเสมือนจริง ที่ดูผ่านออนไลน์ แต่เหมือนกับมาเดินชมงานจริง ๆ
         
ที่เด่นสุด ก็งานแสดงสินค้ารูปแบบ Mirror Mirror ที่เป็นการไปเข้าหรือจัดงานแสดงสินค้าในต่างประเทศ แต่ผู้ประกอบการไม่ต้องเดินทางไปเอง ส่งแค่สินค้าตัวอย่างไปจัดแสดง แล้วจะมีทีมงานทูตพาณิชย์ หรือทีมงานของบริษัทคอยช่วยเหลือ คอยแนะนำ ถ้าผู้ซื้อผู้นำเข้าสนใจ ก็เปิดการเจรจาผ่านทางออนไลน์

ถือเป็นมิติใหม่ในการค้าขายเลยก็ว่าได้
         
แต่ด้วยเศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้นตัวดีจากสงครามการค้า และได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ทำให้ส่งออกทั้งปี 2563 ยังไม่ฟื้นตัว ขยายตัวติดลบ 6.01% ต่ำสุดในรอบ 6 ปี แต่ก็ดีกว่าที่คาดไว้ว่าจะติดลบ 7%
         
เริ่มต้นปี 2564 อธิบดีสมเด็จ สั่งลุยงานเต็มที่ เน้นการขับเคลื่อนการส่งออก “ทั้งออฟไลน์และออนไลน์” มีเป้าหมายพัฒนาผู้ประกอบการ ทั้งปั้น Gen Z เป็น CEO เพิ่มผู้ประกอบการกลุ่ม 60+ ดันผู้ประกอบการท้องถิ่นโกอินเตอร์ พร้อมเร่งสร้างความเชื่อมั่นสินค้าไทย ทั้งคุณภาพมาตรฐาน ปลอดโควิด-19
         
ช่วงต้นปี 2564 สถานการณ์โควิด-19 เริ่มดีขึ้น ได้เริ่มจัดกิจกรรมออฟไลน์มากขึ้น แต่พอมาช่วงเดือนเม.ย.2564 โควิด-19 กลับมาระบาดซ้ำ ทำให้กิจกรรมส่งเสริมการส่งออก ต้องปรับไปใช้ออนไลน์เกือบทั้งหมด
         
อธิบดีสมเด็จ สั่งลุยจัดกิจกรรม Online Business Matching ในทุกกลุ่มสินค้า ทุกตลาดที่มีศักยภาพ จัดงานแสดงสินค้าแบบไฮบริด ส่งเสริมการขายออนไลน์ผ่าน Thaitrade.com จับมือแพลตฟอร์มออนไลน์ในต่างประเทศขายสินค้าไทย จัดกิจกรรมส่งเสริมการข่าย In-store Promotion ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ จัดงานแสดงสินค้ารูปแบบ Mirror Mirror
         


นอกจากนี้ ได้เดินหน้า “ขยายความร่วมมือกับรัฐและมณฑล” ตามนโยบายนายจุรินทร์ มีการลงนาม MOU กับ “เมืองโคฟุ ญี่ปุ่น” และ “มณฑลไห่หนาน ของจีน” ไปแล้ว กำลังเตรียมการลงนามกับ “รัฐเตาลังคานา อินเดีย” และ “เมืองคยองกี เกาหลีใต้
         
ก่อนยื่นใบลาออก อธิบดีสมเด็จได้ออกข่าวชิ้นสุดท้ายในนามอธิบดี สรุปผล “การทำงานของทูตพาณิชย์” ที่ดำเนินการตามนโยบายนายจุรินทร์
         
มีผลงานเด่น ๆ มากมาย ทั้งการสร้างความเชื่อมั่นสินค้าไทยปลอดโควิด-19 การผลักดันสินค้าอาหารไทยผ่านโครงการ Thai Select การโปรโมตข้าวไทยภายใต้โครงการ Think Rice Think Thailand การผลักดันการส่งออกผลไม้ การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายร่วมกับห้างสรรพสินค้า การเข้าร่วมและการจัดงานแสดงสินค้าในรูปแบบ Mirror–Mirror การส่งเสริม SMEs การบุกเมืองรอง และสร้างพันธมิตรทางการค้าระหว่างรัฐ และการเปิดโอกาสตลาดใหม่
         
พร้อมบอก ในช่วงที่เหลือของปีนี้ ยังมี “กิจกรรมส่งเสริมการส่งออกอีกประมาณ 130 กิจกรรม” ที่จะดำเนินการ ส่วนใหญ่เน้นช่องทางออนไลน์ เพื่อผลักดันการส่งออกของไทยในปีนี้
         
สำหรับตัวเลขส่งออกล่าสุด 7 เดือนของปี 2564 (ม.ค.-ก.ค.) ทำได้แล้วมูลค่า 154,985.48 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 16.20% คิดเป็นเงินบาทมีมูลค่า 4,726,197.35 ล้านบาท
         
ดูตามเป้าหมาย ที่ตั้งไว้ที่ 4% ตอนนี้ "เกินกว่าเป้าไปแล้วกว่า 4 เท่า"
         
ปัจจัยที่ทำให้การส่งออกกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น เพราะเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจคู่ค้าฟื้นตัวจากพิษโควิด-19 แม้ว่าโควิด-19 จะยังคงระบาดอยู่ก็ตาม  
         
บวกกับกิจกรรมส่งเสริมการส่งออก ที่ทำได้ “เข้าเป้า” และการเร่งแก้ไขปัญหาอุปสรรคการส่งออก ทำได้อย่าง “รวดเร็ว” และ “ตรงจุด
         
ทำให้การส่งออกฟื้นตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
         
แม้ “อธิบดีสมเด็จ” จะไม่ได้อยู่จนรู้ผล “การส่งออกทั้งปี 2564” จะเติบโตเช่นไร
         
แต่เชื่อว่า สิ่งที่ท่านได้ทำ สิ่งที่ท่านได้วางรากฐานเอาไว้ จะ เป็นปัจจัยสนับสนุนให้การส่งออกปีนี้ ฟื้นตัวได้ไม่มากก็น้อย       
         
ขอบคุณที่เป็นส่วนหนึ่งในการทำสิ่งดี ๆ เพื่อประเทศชาติ ภาคธุรกิจ ผู้ผลิต ผู้ส่งออก ประชาชน และเกษตรกร  
 
ซีเอ็นเอ

ติดตามข่าวสารแบบฉับไว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
ติดตามข่าวสารผ่าน Twitter
กดคลิก Follow ด้านล่าง

ข่าวล่าสุด

ดูทั้งหมด